หัวหมู่ทะลวงฟัน

 

 

น่าแปลกใจทำไมรัฐบาลทำเป็นมองข้าม “รังใหญ่” แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลางเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ฐานปฏิบัติการสำคัญของ “กลุ่มจีนเทา” ที่มีคนไทยยัดทะนานยกทำงานโทรศัพท์ข้ามชาติมาหลอกคนไทยด้วยกันเอง

นายทักษิณ ชินวัตร ยังเคยชี้เป้า แต่แล้วกลับนิ่งเฉย

ไม่มีอาการลนลานเหมือนรัฐมนตรีแดนมังกรเข้ามาลุยเอาจริงเอาจังฝั่งชายแดนประเทศเมียนมา

ตาลีตาเหลือกถึงออกมาตรการการปราบปราบเด็ดขาดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลมุ่งหวังให้ยุติปัญหาภายในหนึ่งปี

ประเดิม “ตัดไฟ” ที่ส่งไปขายประเทศเพื่อนบ้าน และควบคุมการส่งน้ำมันเพื่อไปปั่นกระแสไฟด้วย

คงต้องรอดูผลที่ตามมา  

ขณะที่ประชาชนผู้เดือดร้อนและผู้เคยตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยากให้รัฐบาล และหน่วยงานต่างๆ ได้ ดำเนินการในหน้าที่และอำนาจของตนอย่างเร่งด่วนออกหมายจับและจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค้ามนุษย์ แก๊งขนคนและขนเครื่องมือสื่อสารไปให้โจร รวมทั้งออกหมายจับและจับกุมเจ้าหน้าที่ไทยและชาติอื่นๆและผู้เกี่ยวข้องที่ร่วมรับผลประโยชน์อันมิชอบจากมิจฉาชีพออนไลน์

ออกหมายจับตามรวบหัวหน้าและสมาชิกแก๊ง นายทุน ผู้รับฟอกเงิน ผู้รับประโยชน์(เจ้าของกาสิโนที่ให้เช่าพื้นที่หรือให้เช่าสัญญาณอินเตอร์เน็ต เป็นต้น)

ยึดอายัดทรัพย์สินเงินทองต่างๆของบุคคลข้างต้นเพื่อนำมาคืนเหยื่อ

ฉะนั้นการออกหมายจับ และการจับกุมรวมทั้งการยึดการอายัดบัญชีและทรัพย์สินต่างๆ จะต้องเห็นเป็น “รูปธรรม” สามารถแถลงให้ประชาชนเห็น “เป็นชิ้นเป็นอัน” ให้ได้ถึงจะเชื่อมั่นว่ารัฐบาลและหน่วยต่างๆเอาจริงเองจัง

พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น อดีตจเรตำรวจแห่งชาติที่ติดตามทลายขบวนการคอลเซ็นเตอร์มาตั้งแต่ยังรับราชการออกมาระบุว่า  ประชาชนอยากเห็นผลปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมของศูนย์เอโอซี AOC โทร1441 ที่คาดหวังว่า เมื่อประชาชนตกเป็นเหยื่อแล้วโทรไป1441 แจ้งความและให้อายัดบัญชีเพื่อระงับความเสียหาย หรือกรณีถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรพยายามหลอก ประชาชนโทรแจ้งเบอร์ที่คนร้ายใช้โทรหาเพื่อให้ศูนย์ ช่วยระงับ หรือติดตามจับกุม

เจ้าตัวย้ำว่า จากจำนวนสถิติที่ประชาชนร้องเรียนกี่รายที่สำเร็จตามความมุ่งหมาย และในรอบหนึ่งสัปดาห์ หรือหนึ่งเดือนมีการประสานนำเงินคืนผู้เสียหายได้สำเร็จกี่เปอร์เซ็นต์  “ประชาชนผู้เคยใช้บริการยังสงสัยว่า ศูนย์เอโอซี AOC 1441 มีอำนาจ มีผู้ตัดสินใจที่มีอำนาจจะสั่งอายัด หรือยุติการทำธุรกรรม ยับยั้งความเสียหายได้จริงหรือไม่”

บางกรณีเมื่อโทรไปศูนย์แล้ว ศูนย์ยังแนะนำให้ไปแจ้งความตำรวจที่โรงพัก

พอไปแจ้งความตำรวจโรงพักเพื่อให้อายัดบัญชี ตำรวจก็ให้ขอเอกสารจากศูนย์มายืนยันเพื่อ ส่งธนาคารทำการยัดต่อ ผล คือไม่ทันการณ์ เงินถูกเปลี่ยนรูปไปเป็นคริปโตเรียบร้อยแล้ว

ฉะนั้นกระบวนการนี้ต้องมีประสิทธิภาพจริง ๆประชาชนถึงจะเชื่อมั่นว่า ช่วยเหลือเขาได้จริง เป็นความท้าทายที่ต้องดำเนินการ

พล.ต.อ.ปัญญามองด้วยว่า ระหว่างรอพระราชกำหนดที่รัฐบาลเห็นชอบไปแล้ ให้มีผลบังคับใช้คงต้องดูว่า ได้ผลตามที่คาดหวังหรือไม่ วัดว่าคดีลดลง ความเสียหายลดลง เหยื่อได้เงินคืนเร็วขึ้น เหยื่อได้รับชดเชยความเสียหายเร็วขึ้น ธนาคาร และบริษัทสื่อสารมีความรับผิดชอบและจ่ายชดเชย ความเสียหายเร็วขึ้น

“นี่คือความหวังของพวกเขาครับ”

ส่วนการที่จะให้ธนาคารที่เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝากเงินจะ “แอ่นอก” ออกมาเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นเจ้าภาพเมื่อเกิดเหตุต้องสงสัยเป็นการโอนเงินออกจากบัญชีของเหยื่อเป็นการถูกหลอก หรือสงสัยถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และธนาคารรีบอายัดหรือยุติธุรกรรมการเงินต่อไป แล้วตรวจสอบ เมื่อพบว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกก็สามารถระงับเงินได้ และธนาคารจะเรียกความเสียหายจากเหยื่อที่ไปเชื่อ1 เปอร์เซ็นต์ของยอดโอน และเรียก 3เ ปอร์เซ็นต์จากบริษัทสื่อสาร เรียกอีก 1 เปอร์เซ็นต์จากธนาคารอื่นที่รับโอน

อดีตจเรตำรวจแห่งชาติให้ความเห็นว่า ธนาคารที่เป็นเจ้าภาพจะมีค่าใช้จ่ายในการจัดการได้ แต่ถ้าหยุดธุรกรรมไม่ทัน เหยื่ออาจจ่าย3 เปอร์เซ็ต์ของยอดเสียหาย บริษัทสื่อสารจ่าย 35 เปอร์เซ็นต์ และธนาคารอื่นที่รับโอนจ่าย 20 เปอร์เซ็นต์และแพลตฟอร์มที่ให้แลกเป็นคลิปโตจ่าย 30 เปอร์เซ็นต์ (ยอดจ่ายเป็นเพียงตุ๊กตา )

การให้เกิดเจ้าภาพทำนองนี้จะต้องออกเป็นกฎหมาย หรือออกเป็นกฎระเบียบ หน่วยงานใดคงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐว่า ควรเห็นด้วยและดำเนินการหรือไม่ อย่างไร สำหรับกระผมเห็นว่า การมีเจ้าภาพที่เป็นเจ้าของเงินฝาก คือ ธนาคารจะเป็นองค์กรที่ดีที่สุดที่จะต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์”

ในอนาคตจะพัฒนาเทคนิคและรูปแบบล้ำหน้าไปอีก แต่จุดมุ่งหมาย คือ เอาเงินออกจากธนาคาร ถ้าธนาคารพัฒนาเทคนิควิธีการและเทคโนโลยีอื่น “ล้ำหน้ากว่าโจร” สุดท้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะหมดไป

เพราะทำไปแล้วขาดทุนไม่สามารถนำเงินออกจากธนาคารได้

“คือความฝันและความหวังอันสูงสุดของกระผมครับ” พล.ต.อ.ปัญญาว่า

ในการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค้ามนุษย์ แก๊งคนร้ายข้ามชาติ อาชญากรรมองค์กรข้ามชาติ จำเป็นต้องฝึกอบรมพนักงานอัยการ พนักงานสอบสวน พนักงานเจ้าหน้าที่  ตำรวจ และผู้บังคับใช้กฎหมายอื่น  ทั้งในเรื่องการสืบสวนสอบสวน การยึดอายัดทรัพย์ และการปฏิบัติการอื่นๆ รวมทั้งการพัฒนาเทคนิคและวิธีการในการร่วมมือประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของประเทศอื่นๆ เกี่ยวกับการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน   ความรู้เกี่ยวกับกลุ่มคนร้าย เครื่องมืออุปกรณ์ เทคโนโลยี เทคนิคการเข้าเมือง การหลบหลีก การให้สินบน การลงทุน การฟอกเงิน ประเด็นเหล่านี้ต้องอยู่ในการฝึกอบรม

นอกจากนี้การจัดชุดจู่โจมตรวจค้น และปฏิบัติเชิงยุทธวิธีพิเศษ เพื่อข่มขวัญคนร้าย  ต้องจัดให้มีผลเป็นรูปธรรมเร่งด่วนที่สุด

“ขณะเดียวกันการให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ช่วยกันแจ้งญาติมิตรที่ไปทำงานให้คนร้ายไม่ว่าจะเป็นการนำพาคุณไป ไปเป็นคนโทรศัพท์ ไปเป็นคนเปิดบัญชี หรือเป็นม้าในการโอนเงินต่างๆ ให้รีบกลับใจมาแจ้งเจ้าหน้าที่รวมทั้งมีการฝึกอบรมคนเฉพาะกลุ่ม” ตำนานมือปราบระบุ

เขาแนะนำว่า กรณีถูกบังคับให้ไปร่วมกับแก๊งจะหาวิธีเอาตัวรอดอย่างไร  ควรเชิญชวนให้ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นช่วยกันประชาสัมพันธ์เพื่อลดการตกเป็นเหยื่อ ลดคนจะไปเป็นคนโทรศัพท์ คนเปิดบัญชี ส่วนประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ ควรสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนช่วยกันดูแลชดเชย เห็นอกเห็นใจป้องกันไม่ให้เป็นโรคซึมเศร้า หรือฆ่าตัวตายได้

เร่งรัดให้มีการดำเนินคดีโดยเร็วและนำทรัพย์สินเท่าที่ทำได้กลับมาคืนเร่งด่วน

อาจมีการจัดโครงการฝึกอบรม หรือประชาสัมพันธ์แบบถึงตัวแก่กลุ่มเป้าหมายที่อาจตกเป็นเหยื่อของคนร้ายได้เช่นกลุ่มผู้เกษียณอายุราชการ กลุ่มคนชราที่มีเงินฝากเป็นจำนวนมาก กลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ไม่อาจรู้เท่าทันกลโกงทางออนไลน์

สิ่งที่น่าทำอีกอย่าง เมื่อมีการ “ตัดน้ำตัดไฟ”แล้ว พล.ต.อ.ปัญญาบอกว่า ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ย่อมต้องอยู่ลำบาก บางส่วนอาจหาไฟน้ำมาได้ บางส่วนอาจเคลื่อนย้าย บางส่วนอาจเลิก อยากเชิญชวนคนไทยที่สามารถติดต่อผู้ที่ไปทำงานให้แก๊งได้กลับใจหลบหนีกลับประเทศไทย นำข้อมูลหัวหน้าและผู้ควบคุมและอื่นๆ มาให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเพื่อเร่งรัดปราบปรามต่อไป

อีกประการหนึ่งความมุ่งหมายน่าจะเป็นการดำเนินการต่อหัวหน้า นายทุน เจ้าของ ผู้ได้ประโยชน์ เจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ฟอกเงิน เป็นต้น

ฉะนั้นมาตรการเรื่องการกันคนเป็นพยาน หรือการนำ “คนเล็กไปล้มคนใหญ่” ต้องเร่งดำเนินการคุ้มครองพยานและกันเป็นพยาน 

ต้องใช้เจ้าหน้าที่รัฐไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร พลเรือน พนักงานองค์กรต่างๆ ของรัฐ  ดังนั้น การบำรุงขวัญกำลังใจและทรัพยากรในการปฏิบัติงาน รัฐบาลและหัวหน้าหน่วยงานจะต้องดูแลเป็นพิเศษ

“ถ้าใครเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ออกหมายจับ จับกุม ค้น ยึดทรัพย์สินของระดับหัวหน้าโจร และเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ทุจริตได้ ควรต้องตบรางวัลเป็นพิเศษ”

ประกาศให้ “ก้องฟ้า” เจ้าหน้าที่จะได้ทำงานรุกรบแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“กระผมหวังว่าภายในปีนี้สิ่งที่รัฐบาลมุ่งหวังจะสำเร็จ  พวกเราประชาชนจะได้ไม่ต้องหวาดระแวงกับการรับโทรศัพท์อีกต่อไปและพวกเราจะมีธนาคารช่วยดูแลเงินฝากของเราอย่างเชื่อมั่นต่อไปครับ”

RELATED ARTICLES