ทุกสังคมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี
ผู้ช่วยเภสัชกรสาวจังหวัดราชบุรีเดินทางไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม หลังตกเป็นเหยื่อถูกตำรวจยศ ร.ต.อ.ในจังหวัดทำร้ายร่างกายและพยายามจะข่มขืนในรีสอร์ต
แจ้งความไว้เดือนเศษยังไม่มีความคืบหน้า
เธอเล่าว่า ได้รู้จักกับนายตำรวจคนนี้หลังจากไปแจ้งความคดีฉ้อโกงที่สถานีตำรวจภูธรปากท่อ จังหวัดราชบุรี มีนายตำรวจคนนี้เป็นเจ้าของคดี พูดคุยกันเรื่องคดียาวไปถึงเรื่องส่วนตัว
กระทั่งเอ่ยปากขอจีบเป็นแฟน
ฝ่ายหญิงรู้ตอนหลังว่า มีครอบครัวอยู่แล้วจึงพยายามตีตัวออกห่างไม่พูดคุยเชิงชู้สาวอีกต่อไป
กระทั่งคืนวันที่ 27 เมษายน 2561 มีการนัดไปกินข้าวร้านอาหารในตัวเมือง ระหว่างนั้นเธอขอตัวกลับก่อน เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อ ร.ต.อ.ร้อยเวรเจ้าของคดีฉ้อโกงที่เธอเป็นผู้เสียหายกลับเดินตามมาที่รถแล้วทำร้ายร่างกายบังคับพานั่งรถเข้าไปในรีสอร์ตแห่งหนึ่งพยายามจะข่มขืน
เธอดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิตกลับถูกนายตำรวจหื่นตบเข้าที่กกหูด้านซ้ายจนเลือดออก พร้อมซ้อมจนฟกช้ำไปทั้งตัว
โชคดีที่เจ้าของรีสอร์ตเอะใจเข้ามาช่วยห้ามปราม แต่นายตำรวจคนนี้ยังกักตัวไม่ให้เธอกลับ เธอต้องอาศัยจังหวะเผลอหลบหนีออกมาได้
หลังจากนั้นผู้ช่วยเภสัชกรสาวเข้าแจ้งความที่โรงพัก แต่ไม่มีความคืบหน้า แถมมีตำรวจนอกเครื่องแบบมาพบถึงบ้านคุกคามขอไกล่เกลี่ยให้ถอนแจ้งความ ทำให้เธอหวาดผวาจึงต้องมาพึ่งความช่วยเหลือจากกองบังคับการปราบปราม
อีกรายพฤติกรรมหื่นไม่แพ้กัน
สาวชาวจังหวัดชัยภูมิแจ้งความโรงพักเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ขอให้สอบสวนดำเนินคดีตำรวจโรงพักเดียวกันยัดข้อหารีดเงินและลวนลามต่อหน้าผู้คนบนโรงพักช่วงเช้ามืดวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 หลังเธอโดนจับเป่าวัดแอลกอฮอล์
เธออ้างว่า ตำรวจเรียกเงิน 20,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี เจ้าตัวไม่ยอมและยินดีให้ส่งฟ้องศาล ตำรวจเลยคุมตัวเข้าห้องขัง เมื่อเห็นสภาพความเป็นอยู่ในห้องขังที่ชายหญิงทะลุถึงกันได้จึงตัดสินใจยอมจะจ่ายเงิน โดยบอกสิบเวรให้นำเอทีเอ็มไปเบิก
เมื่อได้เงินมาแล้ว มีตำรวจสวมเครื่องแบบเดินมารับเงินแล้วเอ่ยปากขอหอมแก้มต่อหน้าผู้ต้องขังรายอื่น เธอต้องยอมเพราะกลัวเรื่องไม่จบ เท่านั้นยังไม่พอ หลังออกจากห้องขังตอนสายตำรวจคนดังกล่าวยังฉวยโอกาสปรี่เข้ามากอดหอมแก้มอีกทำให้เธออับอายมาก
กลายเป็นภาพลบต่อเนื่องของผู้พิทักษ์สันราษฎร์
ชาวบ้านถึงขยาดกับพฤติกรรม “ปลาเน่า”เหล่านี้