กำหนดเส้นตายการทำคลอด
ตามที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามคำสั่งเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รองผู้บังคับการ ลงมาถึง สารวัตร วาระประจำปี 2567
ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568
“แม่ทัพ” แต่ละหน่วยรวบรวมบัญชีรายชื่อนำเสนอผ่านสำนักงานกำลังพลเพื่อให้ “ผู้กุมอำนาจตัวจริง” ตรวจทานตรง “ตามตั๋ว”หรือไม่
ก่อนทยอยทะลักออกมาบางหน่วยในกลางดึกเผยแพร่ผ่านเพจกองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เวทีเก้าอี้ดนตรีที่กำหนดไว้สำหรับ “คนมีของ” สามารถได้สิทธิลงประลองสนามแข่งขันชิงเป้าที่หมายปอง “วัดพลังคนฝาก”
หลายคนถึงกำลังอยู่ในภาวะลำบากใจกับการทำงาน ไม่รู้ชะตากรรมที่ฝากไว้กับ “ผู้เป็นนาย” จะโยนหัวก้อยเก็บสัมภาระกระเด็นไปไกลแค่ไหน
น่าห่วงที่สุดไม่พ้นครอบครัว
ถึงเวลา “พ่อไปทาง แม่ไปทาง” แล้วลูกจะอยู่กันอย่างไร ยิ่งใกล้ได้เวลาเปิดเทอมใหม่ต้องตัดสินใจฝากอนาคตทางการศึกษาไว้กับใคร
ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่เคยสนใจ “หัวอกชั้นผู้น้อย” ตาละห้อย “ไร้เส้นสาย” ไม่มี “นายหนุน”
ที่มาของคำว่า “ต้นทุนต่ำ” เกิดวิบากกรรมลุกลามทำหลายครอบครัวแตกแยกเป็นเสมือน “คำสาป” ฝังรากลึกองค์กรผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
พวกเขาทุ่มเทเสียสละเวลาส่วนตัวไปช่วยปกป้องคุ้มครองครอบครัวใครก็ไม่ได้รู้ แต่ดูแลครอบครัวตัวเองไม่ได้
ภาวะพลัดพรากเป็น “วงจรอุบาศก์” ทำลายขวัญกำลังใจ “คนสีกากี” มานานแสนนานที่ “ผู้มีอำนาจ” ไม่ใครใส่ใจนอกจาก “คำพูดสวยหรู” จะดูแลคนทำงาน
ตรงกันข้ามยังปล่อยพวก “วิ่งเต้น-ใช้เส้นสาย” เบียดทำลายพวกเขากระเด็นกระดอนตกกระดานไปอยู่ที่ “ดักดาน” กลายเป็น “ปลาผิดน้ำ” ผิดฝา ผิดตัว ทำหน้าที่ที่ไม่ถนัดตามวิถีรับราชการ
เฉกเช่น “ตำนานมารขาว-มารดำ” ปู้ยี่ปู้ยำบัญชีแต่งตั้งเละเทะมาถึงปัจจุบัน
ส่วนผู้มาใหม่บางราย “นาย” หลับหูหลับตาเลือก “จิ้มเก้าอี้ทอง” ไม่ได้มองศักยภาพ “ฝีไม้ลายมือ” แถมไปสร้างปัญหาให้ลูกน้องส่ายหน้าหนี
กลุ่มคนจำพวกนี้มีดีอย่างเดียว คือ ไม่เคยตั้งใจทำหน้าที่ เอาเวลาไป “ประจบสอพลอ” ดูแลผู้มีอำนาจที่ปราศจากหัวใจเป็นธรรม
ก่อร่างสร้าง “มรดกกรรม” ทั่วท้องทุ่งปทุมวัน