สินค้าต้องห้าม

ชีวิตครอบครัวตำรวจต้องอดทน

หลังบ้านหลายคนทำใจล่วงหน้าไว้แล้วที่เผชิญชะตากรรมจากพิษการแต่งตั้งโยกย้ายตามฤดูกาล “ผลัดใบ”ในยุทธจักรสีกากี

บางคน “ขาลอย” ตกเก้าอี้กระเด็นนอกหน่วย แม้จะมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ตลอดการปฏิบัติหน้าที่ในรอบปีที่ผ่านมา

ความดีความชอบถูกเก็บเข้า “ลิ้นชัก” ในหยักสมองส่วนตัว

ท้ายสุด “ผู้หลักผู้ใหญ่” ไม่มองเห็นค่าความสำคัญ

“ผมผิดเองที่ไว้ใจผู้บังคับบัญชา” นายตำรวจคนหนึ่งระบายความรู้สึกเขาคิดว่า ผลงาน การทำงานที่เป็นรูปธรรมจะข้ามพ้นระบบ “อุปถัมภ์ชั่วร้าย” ไปได้

มันทำให้เจ้าตัวพ่ายแพ้แก่วังวนน้ำเน่าเก็บข้าวของย้ายสัมภาระออกไปอยู่ที่ใหม่ไกลกว่าเก่าแม้จะเป็นกองบัญชาการเดียวกัน

สุดชอกช้ำระกำใจ

 “โปรดอย่ามองแค่ตำแหน่งปัจจุบัน มาปิดกั้นความก้าวหน้า เปิดใจแหกตาดูหน่อยว่า เขาผ่านตำแหน่งอะไรมาบ้าง” อีกนายสะท้อนฝากถึงผู้มีอำนาจ

สายงานสอบสวน ถูกมองเป็นชนชั้นต่ำ “เตี้ยติดดิน” พลเมืองชั้น 4 เจอล็อกสเปกออกนอกสายงานไม่ได้ แต่มีผู้กำกับการ (สอบสวน)จากนอกหน่วยเหาะมาลงเป็น “หัวหน้าโรงพัก” ได้

เขายอมรับว่า อิจฉากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช แม่ทัพประจำหน่วยแข็งจริงสามารถกุมอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายเบ็ดเสร็จ

ตั๋วฝากจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และขั้วอำนาจทางการเมืองแทรกแซงยาก

น่าจะเป็น “โมเดล” แต่หน่วยอื่นทำไมกลับไม่ได้

กลายเป็นคำถามค้างคาใจที่แก้ไม่ยาก แค่เปิดโอกาสให้อำนาจผู้บังคับการที่มีผู้กำกับการ (สอบสวน) ในสังกัดจัดลำดับผู้เหมาะสมไว้  1-2-3 เสนอผู้บัญชาการนำเข้าบอร์ดพิจารณาหยิบไปลงโรงพักได้

เพราะผู้บังคับการจะรู้ว่าใช้งานใครได้บ้าง

แต่ความเป็นจริงไม่หยิบเลย กลายเป็น “สินค้าต้องห้าม”นำขึ้นโต๊ะ

ปิดประตู ปิดโอกาสให้ก้าวหน้า

ทั้งที่หลายคนมีสเปก “ขั้นเทพ”ไปได้ทุกตำแหน่ง ทว่าหาคนมาแทนไม่ได้

ต้องดักดานอยู่กับงานสอบสวนที่เดิม

“จำนวนไม่น้อยมีฝีมือ นายอยากใช้งานสายอื่น แต่อยู่ในตำแหน่งสอบสวนหมดสิทธิขยับ”

ต่างกับบางคนฝีไม้ลายมือ “ไม่ผ่าน” อยู่ต่อทำเลทองได้สบาย

 

RELATED ARTICLES