ยืดเยื้อกันนานข้ามปี
กรณีปมร้อน พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญาการตำรวจแห่งชาติ ถูกกล่าวหาความผิดวินัยร้ายแรงจากผลพวงตกเป็นผู้ต้องหาที่พนักงานสอบสวนร้องทุกข์กล่าวโทษในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน
ให้ดำเนินคดีผู้ร่วมกระทำความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ 22 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้อนุญาตจากเจ้าพนักงาน”
รวมถึงความผิดตามพระราชบัญญัติฟอกเงินเครือข่ายเจ้าของเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่จากหลักฐานเส้นทางการเงินที่เกี่ยวกับข้าราชการตำรวจหลายนาย
เจ้าตัวพยายามดิ้นร้องขอความเป็นธรรมจากหลายหน่วย หลังจากถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนสมัย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทำหน้าที่แทน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
ผ่านเวลาจน “สุกงอม” ถึงมือ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาโทษอดีตนายพลตำรวจคนดังรุ่นน้อง
ที่ประชุมคณะกรรมการ ประกอบด้วย รองผู้บัญชาการตำรวจทุกนาย ตั้งแต่ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง ขาดเพียง พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ
ทั้งหมดร่วมกันพิจารณาความผิดวินัยร้ายแรง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ในเรื่องที่เกิดขึ้นควรจะลงโทษในสถานะใด
ระหว่างปลดออก ไล่ออก
ก่อนเคาะ “มติเอกฉันท์” ไล่ออก พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล พร้อม “งดบำเหน็จบำนาญ”
ตั้งแท่นเสนอ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสะบัดปากกาลงนามคำสั่งต่อไป
รูดม่านปิดฉาก “นายพลดาวรุ่ง” ที่เคย “พุ่งแรง” แซงคนอื่น
