ตำรวจ ปอศ. ร่วม สรรพสามิต บุกทลายเครือข่ายค้าบุหรี่เถื่อนข้ามชาติรายใหญ่ รวบ 2 ชาวกัมพูชา พร้อมของกลาง 50,000 ซอง เผยทำรัฐสูญเสียรายได้กว่า 3 ล้านบาท
พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์, พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.2 บก.ปอศ. และ นายสุเมธ ฤทธิ์จันทร์ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิต รวมถึงตัวแทนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการจับกุมขบวนการค้าบุหรี่เถื่อน
สามารถจับกุม นางจีวา โชย (Ms. Chiva Chuoy) อายุ 35 ปี และ นายนะ เคือน (Mr. Nak Khoeun) อายุ 35 ปี ทั้งสองเป็นชาวกัมพูชา ในความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือ จำหน่าย ซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร และ มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี” พร้อมของกลางบุหรี่เถื่อน ยี่ห้อต่างๆ จำนวนรวม 102 ลัง โดยจับกุมได้ที่ อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บึงชำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี
พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมกลุ่มผู้ค้าบุหรี่เถื่อนรายย่อยได้ในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ จ.สมุทรปราการ จากนั้นจึงเร่งแกะรอยต่อเนื่อง ก่อนพบว่าบุหรี่เถื่อนเหล่านี้จะถูกลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านแทบชายแดนภาคใต้และภาคตะวันออก เป็นหลัก จึงขยายผลต่อเนื่องจนสามารถสืบพบความเชื่อมโยงกับผู้ค้ารายใหญ่ทางภาคตะวันออก เป็นชายสัญชาติกัมพูชาที่มีพฤติการณ์จำหน่ายบุหรี่เถื่อนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และมีโกดังเป็นที่พักและแพ็คสินค้า อยู่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี
พ.ต.อ.นฤพนธ์ กล่าวว่า เมื่อปรากฎเขาะแสข้อมูบแน่ชัดเกี่ยวกับขบวนการดังกล่าว จึงส่งสายลับติดต่อล่อซื้อเป็นจำนวนหลายครั้ง อีกทั้งยังแฝงตัวเป็นกลุ่มลูกค้า VIP เพื่อสั่งบุหรี่ในจำนวนที่มากขึ้น ก่อนจะมีการนัดหมายให้มารับสินค้าล็อตใหญ่ที่ โกดังเก็บสินค้า ใน อ.หนองเสือ เมื่อไปถึงจุดนัดพบ พบนางจีวา และ นายนะ ยืนรออยู่หน้าโกดัง สายลับจึงทำทีขอเข้าไปภายในโกดัง แต่ระหว่างนั้น ทั้งสองรู้สึกผิดสังเกตจึงพยายามจะหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระจายกำลังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่รอบนอก จึงตัดสินใจแสดงตัวเข้าจับกุม ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้ดังกล่าว ก่อนนำตัวพาไปตรวจค้นห้องพักที่อยู่ข้างโกดัง และ ตรวจค้นภายในโกดังเก็บสินค้า พบบุหรี่เถื่อนยี่ห้อต่างๆจำนวนมาก รวมถึงบุหรี่ไทยยี่ห้อกองทิพย์ปลอม ที่ถูกนำเข้ามาพร้อมกับบุหรี่เถื่อนอื่นๆด้วย ซึ่งถือเป็นเคสแรกที่เคยตรวจสอบพบ เบื้องต้นจึงตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นของกลาง
สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การรับสารภาพว่าร่วมกันนำบุหรี่เถื่อนมาจำหน่ายจริง โดยร่วมกับเครือญาติชาวกัมพูชา ลักลอบขนข้ามแดนมาผ่านช่องทางธรรมชาติที่ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ก่อนซุกซ่อนมากับรถบรรทุกผลไม้ จากนั้นจะนำไปพักไว้ที่โกดังดังกล่าวเพื่อเป็นจุดแพ็คของและจัดส่งให้กับลูกค้า โดย นายนะ จะทำหน้าที่เป็นแอดมินเพจในการหาลูกค้าส่วน นางจีวา จะทำหน้าที่สั่งออเดอร์บุหรี่จากเครือญาติในกัมพูชา โดยจะได้กำไรจากการจำหน่ายคอตตอนละ 20-50 บาททำมาแล้วประมาณ 2 ปี
ขณะที่ นายสุเมธ ฤทธิ์จันทร์ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิต กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีบุหรี่เถื่อนที่เจ้าหน้าที่สามารถยึดและอายัดได้จำนวนมากกว่า 50,000 ซองคิดเป็นมูลค่าภาษี มากกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่กระทำผิด จะมีโทษตามพรบสรรพสามิต พ.ศ 2560 คิดเป็นโทษปรับประมาณ 42 ล้านบาท ในส่วนของบุหรี่ไทยที่ถูกนำเข้ามาพร้อมกับบุหรี่ต่างประเทศอื่นๆ จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าเป็นสินค้าลอกเลียนแบบ ซึ่งจะต้องตรวจสอบเรื่องกฎหมายควบคุมการปลอมแปลงสินค้าด้วย