ตำรวจ ปอท. ทลายคอกม้าจีนเทา ขบวนการฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอก 291 คดี

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท., แถลงผลทลายคอกม้าจีนเทา ฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จ.ระยอง, สมุทรปราการ และ ชลบุรี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 31 ราย เป็นคนไทย 18 ราย และ คนจีน13 ราย ตามหมายจับศาลอาญาข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และ ร่วมกันเป็นอั้งยี่”

ตรวจยึดของกลางสมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 49 เล่ม, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 49 ใบ, โทรศัพท์มือถือ 66 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ (โน๊ตบุ๊ก) 2 เครื่อง, รถยนต์ 3 คัน, จักรยานยนต์ 2 คัน, เงินสดกว่า 1 ล้านบาท และทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ อีกจำนวนหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท

พล.ต.ต.อธิป กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือน มี.ค.68 ผู้เสียหายพบเห็นโฆษณาทางเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ จึงได้กดลิงก์โฆษณาดังกล่าว จากนั้นระบบอัตโนมัติได้นำผู้เสียหายไปยังกลุ่มไลน์ Open Chat ชื่อ “Shopping Center” ซึ่งกลุ่มไลน์ดังกล่าวมีสมาชิกจำนวนกว่า 700 คน มีการพูดคุยเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าจำนวนมาก ผู้เสียหายสนใจที่จะลงขายสินค้าจึงได้ทักหาแอดมิน โดยแอดมินแจ้งว่าสามารถลงรูปพร้อมระบุราคาให้ชัดเจนแล้วลงขายได้เลย

พล.ต.ต.อธิป กล่าวต่อว่า เมื่อผู้เสียหายได้ลงขายสินค้า จำนวน 1 ชิ้น ในราคา 1,420 บาท จากนั้นก็มีลูกค้ามาทราบภายหลังว่าเป็นหน้าม้า แจ้งว่าสนใจจะซื้อสินค้าและถามหารหัสร้านค้า ซึ่งแอดมินของกลุ่มจึงแจ้งว่าจะต้องมีการลงทะเบียนร้านค้าก่อน จากนั้นจึงส่งลิงก์เว็บไซต์ “SELLER CENTER” ให้ผู้เสียหายทำการลงทะเบียน โดยให้กรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย จากนั้นแอดมินได้ส่งบัญชีผู้ใช้ไลน์ให้แก่ผู้เสียหาย โดยแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี จะเป็นผู้ดูแลระบบร้านค้าและการเบิกถอนให้กับสมาชิก ต่อมา เจ้าหน้าที่การเงินได้แจ้งกับผู้เสียหายว่ามียอดเงินจากการขายสินค้าของผู้เสียหายเข้ามาในระบบแล้ว แต่ยังไม่สามารถถอนเงินได้ โดยออกอุบายว่า ผู้เสียหายยังไม่ได้ทำการทดสอบเปิดการมองเห็นร้านค้าครั้งแรก จากนั้นได้เชิญผู้เสียหายเข้ากลุ่มไลน์ ชื่อ “เปิดการมองเห็นร้านค้า” ซึ่งมีสมาชิกเพียง 4 คน (กลุ่มเชือด) และให้ผู้เสียหายออกกลุ่มไลน์ Open Chat ชื่อ “Shopping Center” (กลุ่มเดิม) โดยคนร้ายอ้างว่าจะดึงผู้เสียหายกลับเข้ากลุ่มในภายหลังจากทำแบบทดสอบเสร็จ

พล.ต.ต.อธิป กล่าวอีกว่า จากนั้นให้ผู้เสียหายและบุคคลในกลุ่มทำแบบทดสอบเพื่อเปิดการมองเห็นร้านค้า โดยคนร้ายอ้างว่าสมาชิกใหม่จะต้องมีการเติมยอดเงินเข้ามายังแพลตฟอร์ม จากนั้นทางแพลตฟอร์มจะนำเงินลงทุนมาหมุนเวียนสต็อกสินค้าเพื่อทำกำไรให้กับสมาชิกผ่านเว็บไซต์ ชื่อ “SELLER CENTER” โดยในการลงทุนครั้งแรกผู้เสียหายสามารถเบิกถอนเงินลงทุนและผลกำไรได้ปกติ ต่อมาเมื่อผู้เสียหายลงทุนเพิ่มมากขึ้นและต้องการจะถอนเงิน คนร้ายจะสร้างเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าระบบเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถเบิกถอนเงินออกจากระบบได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวง มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2.9 ล้านบาท

พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่า คนร้ายกลุ่มนี้ใช้บ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 4 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เป็นคอกม้า โดยการนำเจ้าของบัญชีม้ามากักขังไว้และยึดอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมด ไม่ให้มีการติดต่อกับบุคคลภายนอก นอกจากนั้นกลุ่มผู้ต้องหายังคอยควบคุมและบังคับให้ทำตามคำสั่ง หากขัดขืนจะถูกทุบตี ทำร้ายร่างกาย จากนั้นนำพาไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรอรับออเดอร์จากชาวจีน ผ่าน Telegram ต่อมาเมื่อมียอดเงินของผู้เสียหายที่ถูกประทุษร้ายโอนเงินเข้ามายังบัญชีม้าที่เตรียมไว้ กลุ่มคนร้ายจะควบคุมเจ้าของบัญชีม้าไปเบิกถอนเงินสดตามเคาน์เตอร์สาขาต่าง ๆ และมีการวิ่งกระจายกดเงินสดตามตู้ ATM หรือนำพาเจ้าของบัญชีม้าไปสแกนหน้าเพื่อนโอนเงินตามสถานที่นัดหมายของชาวจีน

พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวต่อว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ดูแลคอกม้า พาคนไปเปิดบัญชีม้า และกักขัง ควบคุมการเบิกเงินสดและการโอนเงินต่าง ๆ ก่อนนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมได้พร้อมของกลางดังกล่าว

จากการสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหาชาวไทยรับสารภาพว่า รับจ้างจากชายชาวจีน ให้ทำหน้าที่ในการหาจัดหาคนมาเปิดบัญชีธนาคาร ก่อนจะส่งมอบเลขที่บัญชีให้กับกลุ่มผู้ต้องหาชาวจีน อีกทั้งยังมีการถอนเงินสด วันละ 1- 2 ล้านบาท จากนั้นนำเงินสดไปส่งมอบให้กลุ่มชาวจีนตามสถานที่ต่าง ๆ ที่จะตกลงกัน ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ นายเจิ้นตง (MR. ZHENGDONG) อายุ 40 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาระดับสั่งการและฟอกเงิน ได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะที่กำลังจะหลบหนีออกนอกประเทศ โดย นายเจิ้นตง ให้การปฏิเสธ ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รายงานแจ้งว่า จากการตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ (Thaipoliceonline) พบว่ามีคดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหานี้อีก จำนวน 291 คดี ซึ่งมีพฤติการณ์การหลอกลวงในหลายรูปแบบ เช่น หลอกให้ทำงานพิเศษ, หลอกกู้เงินออนไลน์, หลอกให้ลงทุนในทองคำ, อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นต้น

RELATED ARTICLES