ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ภานุภัท กิตติพันธ์ ผกก.1 บก.ปอท. แถลงผลปฏิบัติการ CIB Cracking Down Mission Scams
จับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประกอบด้วย นายเทียนฯ (MR.TIAN) อายุ 29 ปี ,นายลีฯ ( MR.Li ) อายุ 44 ปี ทั้งสองสัญชาติจีน ,นายสิทธิบูรณ์ฯ อายุ 34 ปี นายกิตติชัย ฯ และ น.ส.สุภาพร ฯ ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ, สมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน” จับได้บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ต่อเนื่องหน้ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ฯ รอง ผบช.ก. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า มีกลุ่มคนร้ายโฆษณาในสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เพื่อรับซื้อภาพถ่ายโดยจะให้ผู้เสียหายแอดไลน์พูดคุยผ่านบัญชีไลน์ที่อ้างว่าเป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งที่ประกอบธุรกิจบริการจัดการโฆษณาออนไลน์ ซึ่งมีการทำธุรกิจเกี่ยวกับการหาสมาชิกในการประชาสัมพันธ์หรือโปรโมทภาพถ่ายของสมาชิก เพื่อรับผลตอบแทนหรือโบนัสในการส่งภาพถ่ายมาร่วมโปรโมทและร่วมลงทุนในการโปรโมทภาพถ่าย
ด้าน พ.ต.อ.วัชรพันธ์ฯ รอง ผบก.ปอท. กล่าวว่า เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าร่วมทำกิจกรรมและทำภารกิจในครั้งแรก ๆ จะได้รับผลตอบแทนจริง หลังจากนั้นคนร้ายจะพยายามชักชวนให้ผู้เสียหายเข้ากลุ่มไลน์ เพื่อทำภารกิจส่งเสริมการตลาด โดยอ้างว่าได้ค่าตอบแทนสูง โดยในกลุ่มไลน์ดังกล่าวจะมีการแอบอ้างชื่อของบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจมาเป็นโค้ชในการลงทุน และจะมีสมาชิกในกลุ่มไลน์ซึ่งเป็นหน้าม้าเข้ามาร่วมด้วย จากนั้นจะให้ผู้เสียหายทำการลงทุนผ่านเว็บไซต์ STI CURRENCY MARKET (https://sticurrencymarket.com) เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปร่วมลงทุนครบตามจำนวนภารกิจ และต้องการถอนเงินออกจากระบบ คนร้ายจะอ้างว่าผู้เสียหายทำผิดกฏจะต้องโอนเงินเพิ่มเติมเพื่อเป็นการปลคล็อค
ขณะที่ พ.ต.อ.ภานุภัทฯ ผกก.1บก.ปอท. กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบข้อมูลจากระบบแจ้งความออนไลน์พบว่า มีผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ลงทุนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวจำนวน 7 ราย มูลค่าความเสียหาย กว่า 2.4 ล้านบาท นอกจากนี้พบว่ากลุ่มบัญชีม้าที่ใช้ในกลุ่มนี้ ถูกแจ้งความไว้เป็นจำนวน 67 ราย มูลค่าความเสียหาย กว่า 15 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งรวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ ผู้ร่วมขบวนการ
“โดยเข้าตรวจค้น และจับกุมผู้ร่วมขบวนการในกลุ่มรับผลประโยชน์และฟอกเงินได้ทั้งสิ้นจำนวน 5 ราย ประกอบด้วยชาวจีน 2 ราย และ ชาวไทย 3 ราย ตรวจยึดทรัพย์สินเป็นเงินสด จำนวน 3,000,000 บาท ที่ผู้ต้องหาชาวไทยกดเงินที่หลอกลวงเหยื่อมาส่งมอบให้หัวหน้าแก็งชาวจีน จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีและจะได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อตรวจยึดทรัพย์สิน และจับกุมผู้ที่ร่วมขบวนการต่อไป” พ.ต.อ.ภานุภัท กล่าว