ปณิธานแม่ทัพสอบสวนกลาง

 

ทิ้งทวนก่อน “อำลาเก้าอี้” แม่ทัพสอบสวนกลางเพื่อก้าวขึ้นตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้นำหน่วยตำรวจติดอาร์มทิ้งผลงานไว้มากมาย

สมกับคำว่า “งานดี กีฬาเด่น” จากการขับเคลื่อนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวให้สามารถคว้าแชมป์กีฬารวมได้เป็นปีที่สามติดต่อกันในศึกการแข่งขันกีฬาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

มี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีปิดโครงการจัดเตรียมนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬากองทัพไทยประจำปี 2568 ที่สนามบุณยะจินดา ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร

มอบรางวัลให้กลุ่ม 13 (กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว) ครองแชมป์สูงสุดด้วยอันดับ 1 จาก 12 ชนิดกีฬา ได้แก่ กรีฑา กอล์ฟ ตะกร้อ ต่อสู้และป้องกันตัว เทนนิส เทเบิลเทนนิส บาสเกตบอล แบดมินตัน ปัญจกีฬาทหาร ฟุตบอล มวย ยิงปืน และยูยิตสู

เป็นผลงานยอดเยี่ยมตลอดการแข่งขัน

“รู้สึกดีใจมาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ทุกคนมีความตั้งใจเป็นอย่างมากในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน การฝึกยุทธวิธี และการกีฬา ถือเป็นการสร้างสมรรถภาพในทีมตามสโลแกนงานดี กีฬาเด่น และขอขอบคุณนักกีฬาทุกคนที่ช่วยกันทำ” นายพลตำรวจโทหนุ่มระบายความรู้สึก

พล.ต.ท.จิรภพบอกว่า เป็นเรื่องของกุศโลบายที่ร่วมแข่งขันกีฬาภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพราะต้องการให้ตำรวจเรามีวินัยในการออกกำลังกาย เพื่อส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรงและผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน

“ส่วนตัวเชื่อว่า ถ้ากายกำลังใจดีร่างกายแข็งแรงจะเป็นตัวที่ทำให้ มีประสิทธิภาพในการออกปฏิบัติหน้าที่ การจับกุมคนร้าย รวมไปถึงการช่วยเหลือประชาชนในทุกรูปแบบ”

เขาภูมิใจในตัวลูกน้องมาก ทำให้เห็นว่า นอกจากการทำงานที่ทุ่มเทและตั้งใจกันมาตลอดแล้ว เรื่องการแข่งขันกีฬาก็ไม่แพ้ใคร ทุกคนมุ่งมั่นทุ่มเทหาเวลาว่างจากการทำงานมาหมั่นฝึกซ้อม

ถามว่ากดดันหรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพยืนยัน ไม่กดดัน เพราะไม่ว่าผลจะออกมาแพ้หรือชนะก็ไม่เป็นไรจะได้ถ้วยรวมหรือไม่ก็ไม่เป็นไร แค่ให้เรารู้ว่า เราทำเต็มที่แล้วก็พอ

ก้าวสู่ปีที่ 4 กับการบริหารพัฒนาองค์กรของตำรวจสอบสวนกลางให้เป็นไปตามมอตโต “มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน” นายพลคนหนุ่มให้ความสำคัญมาตลอดถึงเรื่องสมรรถภาพร่างกายที่แข็งแรงของผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานได้ทุกสถานการณ์

เริ่มต้นทำให้เป็นตัวอย่างให้เห็นด้วยตื่นมาตีเทนนิสทุกเช้าตั้งแต่ 05.30 น.

หลังจากได้พัฒนากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ตั้งบนถนนพหลโยธินข้างสวนสนุกแดนเนรมิตเก่า ให้มีสนามกีฬา ทั้งฟุตบอล เทนนิส แบดมินตัน และฟิตเนสที่ทันสมัย

“ผมเรียกว่าเมืองตำรวจสอบสวนกลาง ได้ทำสนามกีฬาขึ้นเพื่อให้เป็นสวัสดิการตำรวจและครอบครัว คนที่อยู่แฟลตก็ไปทำงาน ลูกเลิกเรียนกลับมาเล่นกีฬา ได้ออกกำลังกาย แทนที่จะไปมั่วสุม ชีวิตอยู่แบบพอเพียง ลงตัวมีความสุข” พล.ต.ท.จิรภพเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในมติชนสุดสัปดาห์

ชอบเล่นกีฬาตั้งแต่เด็ก เล่นได้เกือบทุกประเภท แต่ไม่ได้เก่งจนติดทีมชาติ

“ผมเป็นนักกีฬาเทนนิสของสาธิตปทุมวัน เคยไปแข่งกีฬาในเครือโรงเรียนสาธิต คือสาธิตสามัคคีและแข่งกีฬากับกรมพลศึกษา”

ย้ำว่า ชอบเล่นกีฬาเป็นทีม เวลาแข่งแล้วท้าทายดี เน้นสนุก จะชนะหรือแพ้ไม่ได้เครียด แพ้ก็หัวเราะได้ ชนะหัวเราะได้ และเชื่อว่า การเล่นกีฬาทำให้ร่างกายแข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับตำรวจมากที่ต้องมีทั้งร่างกายและจิตใจที่มีสมรรถภาพที่ดี

มีความพร้อมในการทำงาน ไม่อย่างนั้นวิ่งตามคนร้ายไม่ไหว

กลายเป็นปณิธานการทำหน้าที่แม่ทัพสอบสวนกลางของเขา

 

RELATED ARTICLES