เกาะเต่าจัดกิจกรรม “Spotlight Koh Tao 2025” เทศกาลท่องเที่ยวเกาะเต่ายั่งยืน ครั้งที่ 4

ที่สวนมะพร้าวตาโอ หาดทรายรึ เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนางรำลึก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเกาะเต่า นายนิโนช นวลวัฒน์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมจัดกิจกรรม “Spotlight Koh Tao 2025” เทศกาลท่องเที่ยวเกาะเต่ายั่งยืน ซึ่งต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 มี วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยังยืนบนเกาะเต่า ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์และรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับแนวทาง BCG Economy โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐเอกชนและประชาชนนักท่องเที่ยวเข้าร่วม

“งาน Spotlight Koh Tao เกิดจากพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนในชุมชมชนเกาะเต่า ทั้งภาครัฐ เอกชน นักอนุรักษ์ ชาวบ้าน เยาวชน และผู้ประกอบการท้องถิ่น ที่ พร้อมผลักดันเกาะเต่าให้เติบโตอย่างสมดุลและยังยืน ภายใต้แนวคิด “Harmony with Nature – A Sustainable Future “อยู่ร่วมกับ ธรรมชาติอย่างกลมกลืน สู่อนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน” เพื่อยกระดับเกาะเต่าให้เป็นต้นแบของเกาะท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก”

นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า Spotlight Koh Tao 2025 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของพลังชุมชนในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะการบูรณาการแนวคิดเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เข้ากับอัตลักษณ์และทุนทางธรรมชาติของเกาะเต่าได้อย่างเป็นธรรม ทั้งนี้ ท่านผู้ว่ายังกล่าวชื่นชมการทำงานอย่างข้มแข็งของทุกภาคส่วนบนเกาะเต่าที่ร่วมขับเคลื่อนงาน พร้อมแสดงความ เชื่อมันว่า Spootight Koh Tao จะเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้ แรงบันดาลใจ และจุดประกายแนวทางใหม่ ๆ ของการท่องเที่ยว ยั่งยืนทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ อีกทั้งเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์เกาะเต่าในฐานะแหล่งเรียนดำน้ำระดับโลกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ด้านนางรำลึก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า กล่าวว่า การจัดกิจกรรมตลอดระยะเวลา 3 วัน ครอบคลุมทั้งบนบกและในทะเล เช่น กิจกรรมฟื้นฟูแนวปะการัง ดูแลหุ่น การเก็บขยะชายหาดและใต้ทะเล สร้างบ้านปลา กิจกรรมชุมชน เช่น ผ้ามัดย้อมจากธรรมชาติ เครื่องประดับจากขยะทะเล และเวิร์คช้อปเศรษฐกิจ หมุนเวียน ตลาดสีเขียว ขบวนพาเหรดศิลปะจากวัสดุรีไซเคิล กิจกรรมกีฬาสากลและกีฬาพื้นบ้านริมชายหาด และนิทรรศการวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ชมชนเกาะเก่า

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมด้านสุขภาวะ เช่น โยคะ การนวด และการบำบัดด้วยน้ำแข็งแข็งและเสียง ซึ่งออกแบบให้เชื่อมโยงกับวิถี ชีวิตของเกาะดำน้ำอย่างแท้จริง งานในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมวันละกว่า 3,000 คน และสามารถกระจายรายได้สู้ท้องถิ่นไม่น้อยกว่า 30-40 ล้านบาท พร้อม ทั้งเสริมพลังเครือข่ายด้านการอนุรักษ์ต่อไป

RELATED ARTICLES