วันที่ 30 พ.ค.68 ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป.สั่งการ พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป.นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. จับกุม นายวงศ์วริศ หรือ เฮง อายุ 53 ปี และ นายดำรงศักดิ์ หรือ ต๋อง อายุ 53 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3422,3423/2568 ข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส” ได้ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.67 นายวัชรพงศ์ หรือโป้ง อายุ 50 ปี หัวหน้าแก๊งได้ร่วมกันก่อเหตุบุกรุกเข้าไปในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ก่อนนายวัชรพงศ์ จะใช้อาวุธปืนพกขึ้นลำกล้องจ่อศีรษะ นายเอ (นามสมมติ) เจ้าของบ้านผู้เสียหายต่อหน้าภรรยาและลูกชาย จากนั้นได้นำรถยนต์ที่จอดอยู่ในบริเวณบ้านผู้เสียหายขับหลบหนีไปพร้อมกับรถยนต์ที่ใช้เดินทางมาก่อเหตุ
ต่อมา นายเอ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. จากนั้นได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาและเข้าจับตัวทั้งหมดได้ที่บ้านพัก พร้อมตรวจยึดหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไว้เป็นของกลาง โดยเฉพาะที่บ้านพักและอู่ซ่อมรถของนายวัชรพงศ์ เจ้าหน้าที่พบวัตถุคล้ายเครื่องยิงระเบิดต่อสู้รถถัง อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ อาวุธปืนไม่มีทะเบียน และอาวุธปืนผิดกฎหมาย รวม 20 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาดต่าง ๆ รวม 4,155 นัด พร้อมกับยุทธภัณฑ์และชิ้นส่วนอาวุธปืนจำนวนมาก
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนขยายผลเพิ่มเติมจนทราบว่า นายวัชรพงศ์ หรือโป้ง หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในคดีดังกล่าว มีพฤติกรรมวางแผนร่วมกับบุคคลอื่นอีกหลายคน ในการใช้จ้างวานให้กลุ่มนักเลงอันธพาลไปทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยมีการเตรียมการ และจัดหาผู้ลงมือ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า “ไม่ต้องให้ถึงตาย แต่เอาให้แขนขาหักก็พอ” จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย คือ นายวัชรพงศ์ หรือโป้ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างถูกคุมขัง , นายวงศ์วริศ หรือ เฮง และนายดำรงศักดิ์ หรือ ต๋อง กระทั่งนำกำลังกุมพร้อมตรวจยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกบางส่วน
สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงนำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้ที่มีส่วนร่วมกับกลุ่มขบวนการของนายวัชรพงศ์ หรือโป้ง พร้อมพวกนั้น ทางเจ้าหน้าทีี่ตำรวจจะเร่งสืบสวนและติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป