เป็นอีกคดีที่ตำรวจท้องที่ไม่ได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากประชาชน
ตอกย้ำความล้มหลวงระบบบริหารงานโรงพักที่ว่าเป็น “หัวใจหลัก” ของงานตำรวจ
ยิ่งสังคมที่วันนี้เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ผู้เสียหายมีช่องทางระบายทุกข์ผ่าน “สารพัดสื่อออนไลน์” และ “ทนายความอิสระ” ที่พร้อมเข้าไปเป็นกระบอกเสียงต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม
ทำให้ตำรวจจะเป็นต้องปรับตัวและเปลี่ยนบทบาท จากที่เคยนั่งรอเจ้าทุกข์มาแจ้งความแล้วค่อยถามไถ่คดีความ บางคนหนักถึงขนาดทำแบบเช้าชามเย็นชาม
มันไม่ได้อีกแล้ว
การตายอย่างปริศนาของ “น้องหญิง” น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช อายุ 19 ปี พนักงานบัญชีร้านอาหารแห่งหนึ่ง ระหว่างกลับจากกินดื่มในอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มี นายสุรพล หรือ อ๊อฟ ดาราคำ อายุ 23 ปี อาสาพาขึ้นรถเทรลเลอร์ไปส่งบ้าน
ฝ่ายชายอ้างว่า เธอเปิดประตูกระโดดรถลงไปจนศีรษะกระแทกพื้นแตก สมองบวม ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน ลงประจำวันเบื้องต้นเป็นคดีอุบัติเหตุ
แต่ผลการชันสูตรพลิกศพระบุ “น้องหญิง” เสียชีวิตจากการถูกตีด้วยของแข็งไม่คมบริเวณท้ายทอย
เรื่องราวที่ดูเหมือนจะเป็นอุบัติเหตุลงเอยด้วยการไม่ติดใจสาเหตุการตายของญาติ กลับตาลปัตร เมื่อมีเพื่อนของผู้ตายนำคลิปการสนทนาทางไลน์ก่อนจบชีวิตมาเผยแพร่ในโลกโซเชียล
บ่งบอกถึงอาการกระวนกระวายร้อนใจระหว่างนั่งอยู่บนรถเทรลเลอร์
มี น.ส.สิรินาถ หรือ เป็ด รอบรัมย์ วัย 18 ปี เด็กเสิร์ฟร้านอาหารเดียวกันตกเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะโทรศัพท์ชักชวนผู้ตายไปเที่ยวในวันเกิดเหตุแล้วคะยั้นคะยอให้กลับไปกับโชเฟอร์รถเทรลเลอร์หนุ่ม
กระทั่งเริ่มมีการแกะรอยสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่พบเป็น คดีเงื่อนงำปริศนา จากความสามารถของสื่อออนไลน์และทนายความ
ตำรวจท้องที่ถึงตกเป็นผู้กล่าวหาปล่อยปละละเลยมองข้ามข้อสงสัย
ทำให้ นายสุบิน ยาวิราช อายุ 41 ปี ผู้เป็นพ่อและญาติต้องแห่โลงศพของลูกสาว หอบหลักฐานที่เกี่ยวข้องเดินทางมาขอความช่วยเหลือ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม มี พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บังคับการปราบปราม รับเรื่องระบายทุกข์
แจ้งความเอาผิด นายสุรพล หรือ อ๊อฟ ดาราคำ โชเฟอร์รถเทรลเลอร์ น.ส.สิรินาถ หรือ เป็ด รอบรัมย์ สาวเสิร์ฟที่ทำตัวเป็นนางนกต่อ และ นายท๊อป ไม่ทราบชื่อ นามสกุลจริง ในข้อหา ร่วมกันทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
จุดกระแสกดดันการทำหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ดีพอแล้วหรือยัง
เป็นความเคลือบแคลงใจที่ไม่ใช่แค่ญาติเหยื่อสาวผู้เคราะห์ร้าย แต่เป็นที่กังขาของสังคมทั่วไป
แม้จะมีการลงดาบเชือดตำรวจที่เกี่ยวข้อง 3 โรงพักเข้ากรุนับ 10 นาย เหมือนเป็นแค่การตัดไฟลดกระแส
แต่ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่หมักหมมมานานในวงการสีกากี
ปัญหาที่เกิดจากการแต่งตั้งโยกย้ายทำลายระบบคนทำงาน เมื่อพบ “คนเป็นนาย” จำนวนไม่น้อยเติบโตมาจาก “วิ่งเต้น ใช้เส้นสาย” เอาใจผู้มีอำนาจ ทว่าขาดประสบการณ์บริหารเนื้องานโรงพัก ไม่ได้เคยสัมผัสประชาชน วกวนอยู่กับกองผลประโยชน์เพื่อ “ถอนทุน” ที่ลงไปกับการแลกตั๋วแย่ง “ชิงเก้าอี้” คืน
ชะตากรรมเลวร้ายถึงตกกับประชาชน