เหตุเกิดจากกระทำตามหน้าที่

นายที่เลือกเอาตัวรอด “จอดท่า” ไม่สนใจแก้ปัญหาให้ผู้ใต้บังคับบัญชา สนแต่หน้าตาและตำแหน่งตัวเอง

แบบนี้แหละจะสร้างความเสื่อมให้แก่องค์กรตำรวจ

จากกรณีของพ่อค้าส้มตำอ้างถูกรีดเงิน 50,000 บาท เที่ยวประกาศพฤติกรรมนอกแถวของ 6 ตำรวจสืบสวนนครบาล 1 ประหนึ่งเป็น “แก๊งนักบิน” ตะเวนไล่ตีตังค์ผู้ที่มีส่วนพัวพันค้ายาเสพติด กดดันจนมีคำสั่งให้ทั้งหมดออกจากราชการ

ต้องมลทินมัวหมองในชีวิตนักสืบ

โดยเฉพาะ ด.ต.วรพล สันติพิริยาภรณ์ ลูกหม้อสืบสวนเหนือรุ่นสุดท้าย ทำงานได้สองขั้นทุกปี เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ มีประวัติจับกุมยาเสพติดมากที่สุดของหน่วย ทุกวันนี้ยังนอนซุกบ้านพักราชการของเมีย ไม่ได้ร่ำรวยอู้ฟู่ มีเงินทองมากมายมหาศาล

แต่เจอเกมอันธพาลว่าด้วยเรื่องส่วนตัวซัดเสียอยู่หมัด

“หมัดน็อก”ที่ไม่มีพี่เลี้ยงหรือผู้ใหญ่คอยประคองหาทางแก้ไข มีบางคนช่วยสุมไฟราดน้ำมันใส่จนกองสืบสวนแห่งตำนานเป็นทะเลเพลิง

ชะตากรรมของนักสืบชั้นผู้น้อยเมืองหลวง ไม่ต่างเหตุที่เกิดจากกระทำทุ่มเท พิทักษ์รักษากฎหมาย สุดท้ายพ่าย “กฎหมู่” ที่จังหวัดภูเก็ต ในทันทีที่ญาติแห่ศพ นายชิษณุพงษ์ เครือจันทร์ อายุ 29 ปี ที่ถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมในพื้นที่เชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ไปประท้วงหน้าศาลากลางจังหวัด เรียกร้องขอความเป็นธรรม

โจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกินกว่าเหตุ

ทั้งที่มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดตามติดทุกสถานการณ์ระทึกขวัญ มีประวัติของผู้ตาย และมีปืนของกลางที่เตรียมยิงต่อสู้ตำรวจ

นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟังข้อร้องเรียนและชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้น

ครอบครัวของผู้ตายยืนกรานสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เรียกร้องให้ย้ายตำรวจที่ก่อเหตุทั้งหมดหมดออกนอกพื้นที่ภายใน 24   ชั่วโมง

หากไม่ย้ายออกไปจะไม่เผาศพและจะตั้งประท้วงจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม

ไม่ถึง 24 ชั่วโมงของเส้นตาย

พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ทำเรื่องเสนอ พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เซ็นคำสั่งย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไปปฏิบัติหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา

  ดับร้อนอ้อนตามคำขอบรรดากฎหมู่

มีตำรวจปฏิบัติหน้าที่คืนวันเกิดเหตุ 7 นาย ประกอบด้วย ร.ต.อ.ปรีชาภัทร สังข์น้อย รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ด.ต.โกสุน สุชาติ ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ส.ต.ท.สมชาย สาระพัตร ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต  ส.ต.ท.อุกกฤษฎ์ พิบูลย์ ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พ.ต.ต.สัณหวิชญ์ สนิทวงศ์ สารวัตรป้องกันปรามปราม สถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล ร.ต.อ.จีระ เชิดฉาย รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล และ ส.ต.ต.ทศพล ละอองทอง ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล

อีกทั้ง มีคำสั่งให้ นายวิโรตม์ บุญเดช และนายพงษ์ศักดิ์ โต่งกาพงษ์ คู่อาสาสมัครตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต หยุดปฏิบัติหน้าที่

แม้ภายหลังผลการสอบสวนข้อเท็จจริงจะไม่มีมูลความผิด แต่ มลทินที่มัวหมอง ติดตัวไม่รู้จะมีนายสักกี่คนเป็น “กันชน” เดินหน้าขอความเป็นธรรม “ล้างข้อครหา” ให้

เป็นเหตุที่เกิดจากกระทำของตำรวจนักสืบเมืองกรุงพุ่งลุกลามไปถึงเมืองภูเก็ต

กลเม็ดเด็ดของคนหัวหมอ !!!

 

 

RELATED ARTICLES