ควันหลงหลังจากวันครบรอบ 20 ปีกำเนิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
มีเสียงสะท้อนของประชาชนจาก สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (STC) สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปต่อปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ปัญหาใหญ่ของข้าราชการไทยที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน
แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามเอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหาด้วยการกำหนดมาตรการควบคุม ป้องกัน ปราบปราม การเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ยังปรากฏข่าวเกี่ยวกับปัญหาการเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนต่างๆอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ศ.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโสสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยามแสดงความเห็นว่า ผู้คนในสังคมมักวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสังเกตถึงสาเหตุที่ทำให้ปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เป็นเพราะบทลงโทษที่ไม่เด็ดขาด การปล่อยปละละเลยของผู้บังคับบัญชา รวมถึงการช่วยเหลือปกป้องพวกพ้อง
“ส่วนสาเหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้ปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถแก้ไขให้หมดไปจากสังคมไทยได้ คือ ประชาชนบางส่วนยังมีพฤติกรรม เสนอสินน้ำใจ หรือค่าน้ำร้อนน้ำชาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกในการดำเนินการเกี่ยวกับคดีความ”
ไม่ต่างค่านิยมมอบสินน้ำใจเพื่อตอบแทนความช่วยเหลือ
สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์จึงสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปต่อปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป แบ่งเป็นเพศหญิงร้อยละ 50.33 และเพศชายร้อยละ 49.67
สามารถสรุปผลได้ดังนี้
ประเภทคดีที่มีปัญหาการเรียกรับสินบนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมากที่สุด 5 อันดับตามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างได้แก่ คดีจราจร/การขนส่ง คิดเป็นร้อยละ 86.92 คดียาเสพติด คิดเป็นร้อยละ 84.69 คดีค้าของเถื่อน/ของผิดกฎหมาย คิดเป็นร้อยละ 82.37 คดีทะเลาะวิวาท/ทำร้ายร่างกาย คิดเป็นร้อยละ 79.64 และ คดีล่วงละเมิดทางเพศ คิดเป็นร้อยละ 76.66
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างตำรวจระดับ “ผู้บังคับบัญชา” กับตำรวจ “ชั้นผู้น้อย”กับการมีส่วนทำให้เกิดปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบน
กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 30.05 มีความคิดเห็นว่า นายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชามีส่วนทำให้เกิดปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนได้มากกว่า ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 19.04 มีความคิดเห็นว่าตำรวจชั้นผู้น้อยมีส่วนทำให้เกิดปัญหาได้มากกว่า
อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างประมาณครึ่งหนึ่ง คิดเป็นร้อยละ 50.91 ระบุว่า ตำรวจทั้งสองกลุ่มมีส่วนทำให้เกิดปัญหาเท่าๆกัน
ด้านความคิดเห็นต่อปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 76.24 เห็นว่าพฤติกรรมของประชาชนที่ชอบเสนอสินน้ำใจ/ค่าน้ำร้อนน้ำชา มีส่วนทำให้เกิดปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 71.94 ยังไม่เชื่อว่าตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาส่วนใหญ่ไม่รู้เห็นกับพฤติกรรมทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อย
นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 75.08 มีความคิดเห็นว่า การลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีพฤติกรรมทุจริตเรียกรับสินบนด้วยการย้ายออกนอกพื้นที่จะมีส่วนทำให้เกิดปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มากขึ้น
สำหรับปัจจัยสำคัญที่สุด 3 ปัจจัยที่มีส่วนช่วยลดปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง คือ ตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน คิดเป็นร้อยละ 89.07 การปลูกจิตสำนึกประชาชนไม่ให้เสนอสินน้ำใจ คิดเป็นร้อยละ 87.17 ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด คิดเป็นร้อยละ 84.6
ความคิดเห็นต่อการแก้ปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 72.6 เห็นด้วยที่จะมีการกำหนดบทลงโทษนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาที่ปล่อยปละละเลยให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีพฤติกรรมทุจริตเรียกรับสินบน
กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 19.78 ไม่เห็นด้วย ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 7.62 ไม่แน่ใจ
ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 70.61 มีความคิดเห็นว่า หากมีการกำหนดให้ผู้ที่มีพฤติกรรมทุจริตเรียกรับสินบนต้องรับโทษ “ประหารชีวิต”จะมีส่วนช่วยแก้ปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ลดลงไปได้
กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 72.52 มีความคิดเห็นว่า หากมีการสั่งพักราชการเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมทุจริตเรียกรับสินบนทันทีโดยไม่ได้รับเงินเดือนแทนการย้ายออกนอกพื้นที่ในระหว่างการสอบสวนจะมีส่วนช่วยแก้ปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ลดลงไปได้
ถึงกระนั้นก็ตาม ร้อยละ 47.35 มีความคิดเห็นว่าปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่สามารถแก้ไขให้หมดไปจากสังคมไทยภายในช่วงเวลายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีได้
แล้วพวกคุณล่ะคิดเช่นไร