พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจเที่ยวล่าสุด
มีมติขยายเวลาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รองผู้บังคับการ-สารวัตร ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561
เท่ากับ “ปีหน้าฟ้าใหม่” ค่อยมาเคาะโต๊ะยำเก้าอี้กันจริงจัง
พวกบรรดานายตำรวจที่ลุ้นแต่งตั้งโยกย้ายอาจไม่ค่อยสบายใจนัก เมื่อกรรมการตัดสิน “เป่านกหวีด”ให้พักวิ่งชั่วคราว
ทว่าสถานการณ์ฝุ่นตลบยังไม่จบ
ขออนุญาตนำบทความของนายตำรวจท่านหนึ่งมาให้อ่านเล่น เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในวงการตำรวจทุกครั้งที่ใกล้ถึงฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายเกี่ยวกับสถานการณ์สารพัดที่พัวพันกับอาการ “ขาขวิด”
เจ้าตัวให้นิยามเอาไว้
สถานการณ์ขาฉีก คือ ทิ้งงาน ทิ้งลูกทิ้งเมีย ไปเฝ้าบ้านผู้มีอำนาจ ไปแต่ละครั้งหิ้วของฝากของกำนัลไปปรนเปรอ ทั้งๆที่ตัวเองก็แค่พอเลี้ยงครอบครัว กลับจากบ้านผู้มีอำนาจก็เอาแต่จินตนาการฝันหวานว่า เขาจะช่วยให้ได้ตำแหน่ง
คำสั่งออกมาไม่มีชื่อ หมดทั้งเวลา หมดทั้งทรัพย์สิน
สถานการณ์ขาลอย คือ แสดงเจตนาขอย้าย ขอเลื่อนตำแหน่ง ถูกเสนอชื่อออกนอกหน่วย ตำแหน่งที่จะไปเกิดสะดุด ตำแหน่งเดิมมีคนมาแทนแล้ว ไม่มีเส้นสายเชื่อมโยงในช่วงสุดท้าย เป็นเหตุให้ขาดการติดต่อและเคว้งคว้าง
คำสั่งออกมาแล้ว เกิดคำถามว่าวิ่งไปทำไม? ใครให้วิ่งไป???
สถานการณ์ไขว่ห้าง คือ ไม่ต้องทำอะไร มีแต่รอรับสายและแสดงเจตจำนง แต่งตัวรอ เตรียมเก็บของ สั่งเสียอาลัย เคลียร์ใจความรักและความแค้น
ทุกอย่างสงบเพราะเป็นการดำเนินการจากเบื้องบน
สถานการณ์ขาด้วน คือ สภาวะของพวกที่ชอบอยู่นิ่งๆ หยิ่งยโส ไม่เข้าหานาย เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่สนว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ไม่สนว่ายุคนี้จะเป็นอย่างไร แค่ตำแหน่งหน้าที่เดิมก็รักษาไว้ไม่ได้ เพราะคิดเอาเองว่า ตัวเองเป็นคนทำงานคงไม่มีใครย้าย
เมื่อคำสั่งแต่งตั้งออกมา ก็มีรายชื่อย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่อยากไป
มันคือ ความเป็นไปของอาณาจักรสีกากีในยุคปัจจุบัน
ภายหลังมรสุมพัดพา “คลื่นอำนาจ” ปราศจากความเป็นธรรมเข้ามา “กุมชะตากรรม” ตำรวจทั้งองค์กร