สังคมออนไลน์กำลังสร้างความวุ่นวายกันไปทั่วโลก
กลายเป็น “โรคระบาด” ทำลายความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนหลายชีวิต เพราะไปยึดติดกับ “ข่าวที่ไม่ได้กรอง” ข่าวลวง ข่าวหลอก และข่าวที่อยากจะบางกลุ่มอยาก ยัดใส่เพื่อล้างสมอง
หลายข่าวไม่จำเป็นต้องรู้ แต่กระเหี้ยนกระหือรือ ใคร่กระสันอยากรู้
จริงบ้าง เท็จบ้างคละเคล้ากันไป
หลายข่าวจำเป็นต้องรู้ แต่เหล่ากูรูบอก “ไม่อยากรู้” เพราะอวดเก่งว่า “รู้มาหมดแล้ว”
เป็นพวก “น้ำล้นแก้ว” ออกหูซ้าย-ทะลุหูขวา ตามประสาคนเสพสื่อ
น่ากลัวตรงพฤติกรรมเสพสื่อออนไลน์ของเมืองไทยที่ไร้พรมแดน ขาดตะแกรง ขาดตาข่ายกลั่น “ความถูกต้อง” สมองถึงจับจ้องเอาฉับไว ทว่าหาใช่ “ความจริง”
กดไลค์ กดแชร์กันสนุกแป้นคีย์บอร์ด
“เฟซบุ๊ก” บริษัทข้ามชาติอเมริกัน ผู้ให้บริการเว็บไซต์เครือข่ายสังคมยังยอมรับว่า ประชากรในประเทศไทยสมัครเป็นสมาชิกของพวกเขามาเป็นต้นของโลก จากจำนวนประชากร 75 ล้านคน มีจำนวน 53 ล้านคนล้วนมีบัญชีเฟซบุ๊กของตัวเอง
ตัดยอดผู้สูงอายุและเด็กจะเป็นวัยคนทำงานมากที่สุดในโลก
ส่งผลให้ “โรคร้ายในโลกออนไลน์” กระจายผ่านบรรดาสมาชิกในเมืองไทยจำนวนไม่น้อย
“เฟกนิวส์” ถึงพ่นออกมาล่อพวกหิวกระหายข่าวสารเสมือนภัยคุกคามที่ยากแก่การควบคุมมะรุมมะตุ้มกันกร่อนจิตสำนึก บ่มเพาะความแตกแยก เคียดแค้น ชิงชัง มากกว่าที่จะนำมาใช้เป็นประโยชน์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง
ทั้งที่ “เฟซบุ๊ก” พร้อมให้ความร่วมมือผู้รักษากฎหมายของหลายประเทศในการหยุดยั้งขบวนการ “เฟกนิวส์” และกำจัดภัยคุกคามที่บ่อนทำลายความมั่นคงของสังคมส่วนรวม
น่าเสียดาย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี เป็นเหมือน “ยักษ์ไม่มีกระบอง” ไร้กำลังพลผู้เชี่ยวชาญในการสอดส่อง “โรคร้ายในโลกออนไลน์” ที่กระจายลายตาเต็มหน้าเว็บบอร์ดหลายสิบล้านทั่วเมืองไทย
ลำพังแค่รับแจ้งความรายวันยังไม่สามารถปั่นหาคนกระทำผิดเอามาลงโทษให้เด็ดขาดและจริงจังเพื่อให้เป็นตัวอย่างโชว์ “นักเลงคีย์บอร์ด” ออกมารับผิดชอบสิ่งที่ทำความปั่นป่วนในโลกโซเชียล
ยังไม่นับรวมขบวนการหากินทางช่องทางออนไลน์จำพวกค้าขายของเถื่อนตามเน็ต เว็บพนันฟุตบอล ยันบ่อนออนไลน์ กระจายเว็บลามก ค้าขายยาปลุกเซ็กซ์ เป็นขยะกลาดเกลื่อนให้คนเสพเลือกบริโภค ไม่ต้องชิม แต่ช้อปใช้ตามอำเภอใจ
มันคือ บทพิสูจน์ยักษ์ไม่มีกระบองของ “ตำรวจไอที” เมืองไทย