ขยี้กล่องดวงใจ

อัตราต่อรองวงเดิมพันเริ่มทะลักสูงขึ้น

ศึกทัพสีกากีที่หวังตี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หล่น “เก้าอี้อำนาจ”ก่อนเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนกันยายน เริ่มเข้มข้น

ขบวนการ “ไอ้โม่ง” อยู่เบื้องหลังทยอยส่งข้อมูลให้สื่อ “เปิดแผล” ผู้นำปทุมวันชนิดรายวัน มีหรือที่คนอย่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา จะไม่รู้ว่าเป็นกลุ่มไหน “เล่นเกมกล” สร้างความปั่นป่วนอลหม่านในสำนัก “ปักหมุด” ชักธงรบเพื่อล้มกระดานอำนาจ

นับตั้งแต่เสียงกระสุนลั่นตกท้องทุ่งบางรัก สู่ฉากไม่ชอบพากลในโครงการจัดซื้อจัดจ้างโครงการไบโอเมทริกซ์ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และว่าด้วยเรื่อง “คลิป” สนทนาระหว่างคู่นายพลใหญ่ที่ปัจจุบันกินแหนงแคลงใจบอกลาความสัมพันธ์กันไปเรียบร้อย

ตามด้วยปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ว่ากันว่าไม่เป็นธรรม

ทั้งที่เป็นครั้งแรกของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้อำนาจเต็มไปเต็มมือจัดทัพทำบัญชีเอง

ล่าสุด ขบวนการ “ไอ้โม่ง” ลากเข้าสู่ “หมากร้อน” กระดอนทิ่มแทงกล่องดวงใจ พิทักษ์ 1 ด้วยการงัดปมพิจารณาแต่งตั้ง ผู้กองฮัท-ร.ต.อ.ชานันท์ ชัยจินดา รองสารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ลูกชายขึ้นดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการกองร้อย (สบ 2) กองกำกับการ 3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน

ไม่ครบ 7 ปี ตาม “กฎเหล็ก”การแต่งตั้งโยกย้ายที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ลงนามคำสั่งเอง

อ้างหาทางออกได้ด้วยการใช้วิธีพิเศษให้ “คณะรัฐมนตรี” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาเพื่อมีมติ “ยกเว้นหลักเกณฑ์” การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักอาวุโส

แต่กลับกลายเป็น “รอยไหม้” ไม่สง่างามของนายตำรวจหนุ่มครูฝึกมากความสามารถของหน่วย “ตำรวจนักรบป่า” เท่าใดนัก

เขาจบจากคณะเทคโนโลยีการจัดการ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และปริญญาโทบริหารต่างประเทศ มหาวิทยาลัยบอร์นมัธ ประเทศอังกฤษ

ก่อนเดินตามรอยพ่อเข้าอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุหรือโอนเข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร รุ่น 37 เสร็จแล้วไปอบรมด้านเก็บกู้วัตถุระเบิดรุ่น 12 ก่อนบรรจุลงกองกำกับการ 3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน

สวมบทครูฝึกนักรบพลร่มค่ายนเรศวร

สุดท้ายเขากลายไปอยู่ “เกมล้มกระดาน” อำนาจของพ่ออย่างสลัดไม่ออก

มีหลังฉากเป็น “อำนาจนอกรั้ว” กับ “ขั้วเก่า” ที่โดนสลาย

ว่ากันตามท้องเรื่องเบื้องลึกการเสนอ “ผู้กองฮัท” ขึ้นตำแหน่งสารวัตรมีมาตั้งแต่วาระปี 2561 ไปนั่งตำแหน่งใหม่ ของหน่วยพิเศษซุ่มยิงระยะไกล หรือ “สไนเปอร์” ของตำรวจพลร่ม ตามหลักสูตรรบพิเศษในต่างประเทศประดับเกียรติบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญ

ทว่าโดน “มารขาว-มารดำ” กระโดดขวางอ้างเป็นหน่วยคาบเกี่ยวกับความมั่นคงต้องขออนุมัติจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยุคเผด็จการทหาร ทำให้ต้องเก็บเรื่อง “ดองใส่ลิ้นชัก” รอเวลาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการ

กระทั่งพบว่า “ผู้กองฮัท” ตรงกับคุณสมบัติของหน่วยที่ต้องมีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติหน้าที่ มีภาวะผู้นำและเป็นที่ยอมรับของผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา

พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผู้บังคับการทะเบียนพล สำนักงานกำลังพล ยังออกมายืนยันว่า เนื่องจากการแต่งตั้งดังกล่าวไม่เป็นไปตามกฎกรรมการข้าราชการตำรวจ และไม่เป็นไปตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา

เหมาะสมให้เลื่อนตำแหน่งตามสายงานเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจ รวมทั้งเป็นการสร้างบุคลากรหน่วยให้มีความชำนาญเฉพาะทาง

การเอาคนในขึ้นดำรงตำแหน่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้เห็นว่า ผู้ที่มานำหน่วยต้องมีความพิเศษจริง ๆ คนอย่างลูกชายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พูดกันตรง ๆ ท่านจะแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งใดก็ได้ หากแต่งตั้งตามอำเภอใจตามที่สื่อนำเสนอ ไปอยู่ที่สบายๆ ดีกว่า ทำไมไม่มีใครถามว่า ถึงไปอยู่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน”  พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแสดงความเห็นถึงกรณีที่เกิดขึ้น

ต้องถามใจ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา จะทำอย่างไรกับการเดินหมากตาต่อไป

เหมือนเดิมพันเอาตำรวจทั้งองค์กรมาแขวนไว้แลกหมัด “มารขาว-มารดำ”

 

                

RELATED ARTICLES