สถานการณ์การแพร่ระบาดของวายร้ายไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการดำเนินชีวิตของประชาชนในวงกว้าง
หนักหนาสาหัสกว่าเชื้อโรคน่าจะเกี่ยวกับสภาพปากท้อง
หลายครอบครัวตกอยู่ในภาวะแทบสินเนื้อประดาตัว ขาดรายได้ ออกจากงาน แถมยังมีหนี้สินพะรุงพะรังรุมเร้า
โดยเฉพาะหนี้นอกระบบจาก “นายทุนเงินกู้ดอกโหด” ไล่ทวงจิกรายวัน
มีนักเลงทวงหนี้ทำตัวเป็นขาใหญ่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย
เอารัดเอาเปรียบซ้ำเติมชาวบ้านในยามวิกฤติเศรษฐกิจจากพิษหวัดมรณะสายพันธุ์ใหม่
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการโดยเร่งด่วนให้จัดตั้ง ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ “ศปน.ตร.” ขึ้น โดยให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของงานปราบปรามอาชญากรรมพิเศษงานนโยบายสำคัญเร่งด่วน
มอบหมายให้ พล.ต.ท. ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ มีภารกิจหน้าที่เกี่ยวกับการปราบปรามและดำเนินคดีผู้มีอิทธิพล บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ให้ประชาชนกู้ยืมเงินโดยผิดกฎหมาย
เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด
มีลักษณะเป็นการทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบประชาชน การทวงถามหนี้โดยผิดกฎหมาย รวมถึงการกู้ยืมเงินที่มีลักษณะเป็นการฉ้อโกงประชาชน
เสมือนบทพิสูจน์ฝีมือของ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย จะขับเคลื่อน “ขุนพลปราบมาร” เหล่านี้ได้มากน้อยแค่ไหนให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หลังจากมอบแนวทางการทำงานให้ “ฝ่ายปฏิบัติการส่วนกลาง” มีกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นหลัก ส่งมอบภารกิจต่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเป็นหน่วยรับผิดชอบ มี กองบังคับการปราบปราม กองบังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) เป็นหน่วยร่วมปฏิบัติการ
ส่วน “ฝ่ายปฏิบัติการหลักในพื้นที่” มอบหมายให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 ดำเนินการจัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบในพื้นที่ ให้ “ผู้บัญชาการ” เป็นหัวหน้า เชิญผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อาทิ ฝ่ายปกครอง อัยการ สำนักงานป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ดินจังหวัด สรรพากรจังหวัด หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม เป็นที่ปรึกษา
สถานีตำรวจทุกแห่งต้องสนับสนุนข้อมูล ประวัติ พฤติการณ์ของนายทุนตลอดจนผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
ปัดฝุ่นแฟ้มประวัติเก่าที่เอามาใช้แล้วใช้อีก ไม่มีโอกาสได้ “ฉีกทิ้ง” ตัด “บัญชีดำ” ออกไปเสียที
ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้อำนวยการศูนย์ยอมรับว่า ปัจจุบันการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการไปในหลากหลายรูปแบบ พบมีกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามากระทำความผิดในลักษณะเป็นขบวนการจำนวนมาก
“มันเป็นมะเร็งร้ายที่กระทบชาวบ้านระดับรากหญ้า ต้องถอนรากถอนโคนอย่างจริงจัง” พล.ต.ท.ปิยะว่า
ล่าสุด พบการเปิดเป็นแอปพลิเคชั่นเพื่อให้ประชาชนกู้ยืมเงินผ่านโทรศัพท์ แต่บังคับให้เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆในโทรศัพท์ เมื่อผิดนัดชำระหนี้จะมีการทวงหนี้ผ่าน SMS ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลอื่นที่มิใช่ลูกหนี้ ทำให้ลูกหนี้ได้รับความอับอาย
ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากขบวนการเหล่านี้สามารถแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนได้ที่ กองบังคับการปราบปรามกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ 0 2234 1068 หรือร้องทุกข์ได้โดยตรงที่ สถานีตำรวจทุกแห่ง หรือผ่านทางโทรศัพท์สายด่วน 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สุดท้ายขึ้นอาจอยู่กับฝีไม้ลายมือของ “เหล่าตำรวจมือปราบ”
แต่บังเอิญ “เหล่าตำรวจมือปราบ” โดนกำราบสลายราบคาบหายไปจากสารบบ เพราะพิษการแต่งตั้งโยกย้ายหลายยุคที่ผ่านมา
น้ำตาถึงตกอยู่กับชาวบ้าน