เกินความคาดคิดว่าเบื้องหลังกระบวนการยุติธรรมจะมี “บางกลุ่ม” เล่นตลกกับกฎหมาย
กลายเป็น “หายนะ” ของมหากาฬคดีสำคัญที่จำเป็นต้องควานหา “ไอ้โม่ง” ตัวการใหญ่คอยชักใยเกมเขย่ายุทธจักรสีกากีอีกระลอก
“เขาเป็นขาใหญ่ในวงการค้าน้ำมันเถื่อน” พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางยอมรับหลังจากสอบปากคำ นายสหชัย เจียรเสริมสิน อายุ 53 ปีที่รู้จักกันดีในนาม “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อนภาคใต้
ครั้งนั้นกำลังของตำรวจสอบสวนกลางดักรวบตัวได้ในตลาดห้วยขวางกลางกรุงตามหมายจับ “ร่วมกันฟอกเงิน”
ประวัติการกระทำผิดยาวเหยียดตั้งแต่ปี 2555 ชุดเฉพาะกิจศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง จับกุมเรือลักลอบขายน้ำมันเถื่อนบริเวณน่านน้ำจังหวัดสงขลา ยึดของกลางน้ำมันเถื่อน 2 พันลิตร และเงินสด 48 ล้านบาท
ผ่านนาน 10 ปี นายสหชัย เจียรเสริมสิน ที่ว่ากันว่าเป็นนายทุนรอดคุกรอดตะรางมาตลอด
เที่ยวนี้ถึงกับอ้างรู้กับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคนหวังใช้เป็น “ไม้กันหมา”
ทว่าตำรวจสอบสวนกลางไม่สนควบคุมตัวให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สอบปากคำ
ทำไปทำมาเป็นเรื่องบานปลาย
เจ้าพ่ออิทธิพลวงการค้าน้ำมันเถื่อนคนสำคัญ “ล่องหน” หายตัว
ใครผิด ใครถูก ทำให้ต้องมีการฟื้นฝอยหารอย “ตะเข็บรั่ว”
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงกับ “หัวเสีย” สั่งให้ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมกับทีม พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ
เมื่อพบพิรุธขั้นตอนของตัวหมายจับหายไปตั้งแต่ปี 2557
กระทั่ง พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีหนังสือตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีศาลจังหวัดปัตตานีออกหมายจับ ตามหมายจับที่ 227/2557 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2557
ให้จับตัว นายสหชัย หรือ โจ้ เจียรเสริมสิน ต้องหาว่า กระทำผิดฐานความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ความผิดเกี่ยวกับดวงตราฯ ส่งให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานีแล้ว
มี พ.ต.ท.ชัชวาล อภิรมย์ชวาล รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สถานีตำรวจภูธรสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา รักษาราชการแทนพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี เป็นผู้รับหนังสือของศาลจังหวัดปัตตานี
พร้อมสำเนาหมายจับจากเจ้าหน้าที่ศาล โดยลงลายมือชื่อและวันที่รับสำเนาหมายจับไว้เป็นหลักฐานเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2557
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้สอบ พ.ต.ท.ชัชวาล อภิรมย์ชวาล ให้การว่า เมื่อรับสำเนาหมายจับแล้ว ไม่ได้เอาเก็บไว้ที่ตัวเอง
และจำไม่ได้ว่าส่งสำเนาหมายจับให้กับผู้ใด
ส่วนการตรวจสอบสารบบคุมหมายจับปี 2557 ทั้งของสถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี และกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ไม่มีหมายจับ ที่ศาลออกในชื่อ นายสหชัย หรือ โจ้ เจียรเสริมสิน
เช่นเดียวกับเมื่อตรวจสอบสมุดรับหนังสือแล้วไม่พบว่ามีการลงรับหนังสือที่ ศย 309.007/8711-8712 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2557 จากศาลจังหวัดปัตตานี
กรณีนี้เป็นที่สงสัยว่า พ.ต.ท.ชัชวาล อภิรมย์ชวาล รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา “กระทำผิดวินัย”
นำไปสู่กระบวนการตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวน ให้ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จเรตำรวจ (สบ 8) เป็นประธานกรรมการ ส่วนกรรมการมี พ.ต.อ.เจนกมล คำนวล รองผู้บังคับการกองตรวจราชการ 8 สำนักงานจเรตำรวจ พ.ต.อ.อภิชา สุขประสงค์ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี พ.ต.ท.พงษ์ปกรณ์ พิพัฒนสมพร รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 1 กองตรวจราชการ 8 สำนักงานจเรตำรวจ พ.ต.ท.ระลึก อินทรัศมี รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 2 กองตรวจราชการ 9 สำนักงานจเรตำรวจ
พ.ต.ท.พูนศักดิ์ พฤกษวัลต์ สารวัตร (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี กรรมการ พ.ต.ต.สำราญ ขำอ่อน สารวัตร (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ร.ต.อ.วรพัทธ์ เพชรจง รองสารวัตร ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 2 กองตรวจราชการ 9 สำนักงานจเรตำรวจ ร.ต.อ.ภัทรชนน เพชรแอน รองสารวัตรฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 1 กองตรวจราชการ 8 สำนักงานจเรตำรวจ
ถ้าคณะกรรมการสืบสวนเห็นว่ากรณีมีมูลว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจากระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสืบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการสืบสวนพิจารณาเบื้องตันแล้วเห็นว่า ข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำในเรื่องที่สืบสวนนั้นอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว
จับตาดูกันต่อไปว่า พ.ต.ท.ชัชวาล อภิรมย์ชวาล จะเป็น “แพะ” แอ่นอกรับ “เผือกร้อน” ยอมสังเวยคนเดียวหรือไม่
ตอนนี้รู้หรือยังเหตุใด “เสี่ยโจ้” ถึงได้ยกระดับขึ้นชั้นเป็น “เจ้าพ่อวงการน้ำมันเถื่อน”
แถมเนรมิตรายได้เป็นกองเงินมหาศาลหล่อน้ำเลี้ยงเข้ากระเป๋าข้าราชการ “อดอยากปากแห้ง” จนอู้ฟู่กันจำนวนไม่น้อย