เดินเครื่องเต็มสูบเพื่อรักษาองค์กรเก่า
ไม่ต้องการให้ “อำนาจนอกรั้ว” มาเขย่าให้เกิดความปั่นป่วนชวนบิดเบี้ยว
พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ ลุกขึ้นเป็น “หัวหอก” พร้อมด้วย พล.ต.อ.ศักดา เตชะเกรียงไกร นายกสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.ท.อัตชัย ดวงอัมพร ประธานชมรมเครือข่ายเพื่อนตำรวจ และ พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผู้ช่วยเลขาธิการสมาคมตำรวจ นำข้อเสนอแนะ “การปฏิรูปตำรวจ” เข้าปรึกษา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นน้อง
ก่อนนำเสนอคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. …. รัฐสภา
เป็นข้อเสนอของ 4 องค์กรหลักประกอบด้วย สมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สมาคมพนักงานสอบสวน และชมรมเครือข่ายเพื่อนตำรวจ
หลังจากนั้นเปิดเกมรุกบุกตรงเข้าหา พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นพี่ ในฐานะรองประธานคนที่ 1 คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. … ของรัฐสภา
ประเด็นสำคัญพวกเขาต้องการให้คงคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติไว้ เนื่องจากในร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติเหลือเพียงคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ และให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ
ส่วนกรรมการโดยตำแหน่งเป็นคนนอกมิใช่ตำรวจทั้งหมด เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายการบริหารงานตำรวจและกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ปฏิบัติตามนโยบาย ระเบียบแบบแผน มติคณะรัฐมนตรี กฎหมาย และให้ความเห็นชอบการแต่งตั้ง “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ”
แต่การบริหารงานบุคคล การแต่งตั้งโยกย้าย ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจที่มี “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” เป็นประธาน และคณะกรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จเรตำรวจแห่งชาติ กับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับเลือกจากข้าราชการตำรวจ
ป้องกันไม่ให้อำนาจทางการเมืองและอำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย
ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมไม่เป็นไปตามระบบคุณธรรม
อีกประเด็นที่สำคัญ คือ ลดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในการแต่งตั้งตามร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. …มาตรา 69 วรรคสาม และมาตรา 80 วรรคสอง ต้องยกเลิกไป
เนื่องจากเป็นปัญหาก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมตามระบบคุณธรรม ถือเป็นการ “บั่นทอน” ขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจที่ดีมีความรู้ความสามารถ
จดหมายเปิดผนึกของ 4 องค์กรหลักเพื่อแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะให้ตำรวจ “หลุดพ้น” จากการอยู่ใต้อำนาจทางการเมืองโดยแท้จริง
“เราต้องการเห็นตำรวจ เป็นตำรวจของประชาชน เป็นตำรวจที่ดี จะได้มีความเจริญก้าวหน้า จะได้มีคนที่ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนและดำรงตนได้อย่างมีศักดิ์ศรี” นายกสมาคมตำรวจย้ำเหตุผล
ไม่กี่วันต่อมา คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ…ร่วมประชุม เพื่อพิจารณาโหวตรับรองรายงานของคณะอนุกรรมาธิการ ที่มี พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ เป็นประธาน
ยกข้อเสนอค้างคาเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจที่อาจจะมีการแก้ไขเนื้อหาในรายงาน
ตัดฝ่ายบริหาร และคนนอกทิ้ง เหลือแต่อดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มานั่งในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจทั้งหมด
สรุปที่ประชุมไม่ได้ข้อยุติต้องเลื่อนออกไปไร้กำหนด
หลังการประชุม พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ นายขจิตร ชัยนิคม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี พรรคเพื่อไทย และ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ในฐานะกรรมาธิการร่วมกันแถลงข่าวต่างยืนยันไม่มีแผนจะให้เป็นรัฐตำรวจอย่างที่มีแหล่งข่าววิตก
เจตนารมณ์ของคณะอนุกรรมาธิการต้องการจะทำให้มีการปฏิรูปตำรวจมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
“ขณะนี้กำลังพิจารณากันอยู่ ไม่รู้ใครไปละเมอตรงไหน แล้วให้ข่าวว่า จะสร้างรัฐตำรวจ ถ้าละเมอแล้วตื่นขึ้นมา ช่วยมาฟังความจริงด้วย” พล.ต.ท.อำนวยซัดตรงเป้า
เจ้าตัวบอกว่า ร่างนี้ได้ถูกกลั่นกรองมาจากหลายร่าง โดยรวม คือ ต้องการปลดทุกข์ให้ประชาชน และบำบัดทุกข์ให้ตำรวจ
ต่อไปชาวบ้านจะมาเป็นองค์กรอิสระเพื่อมาตรวจสอบตำรวจ มีคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมข้าราชการตำรวจมาดูเรื่องระบบการแต่งตั้งโยกย้าย
ไม่ให้มีทำเลทอง ข้ามหัวกัน ปัดแข้งปัดขากัน
อยู่ที่อนาคตร่างทั้งหมดจะเป็นไปตามฝัน หรือกลายเป็นหมัน ปั่นกันไม่ถึงฝั่ง !!!
