“ทุเรศ ถ้าจะทำกันแบบนี้ ชื่อและนามสกุลผม คงจะเต็มทั้งจังหวัด….ไปแล้ว” ประโยคสะท้อนความหดหู่ยังก้องอยู่ในรูหูอดีตผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นักเรียนนายร้อยรุ่นน้องสบถคำไม่สนใจนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นพี่
พล.ต.ต.ไชยยศ จินดาทอง ในวัยเกษียณมองภาพความหลังของป้าย “ลานฝึกจินดาทอง” อนุสรณ์แห่งความภาคภูมิที่เจ้าตัวไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าให้หลายคนได้ระลึกถึงและจดจำความเหนื่อยยากที่ตั้งใจจะพัฒนาองค์กรส่วนรวม
ย้อนเวลากลับไปเมื่อปี 2553 สภาพที่อาคารทำการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี และบ้านพักของข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรีบนเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ มีสภาพไม่ต่าง “เมืองบาดาล” เนื่องจากเป็นที่ลุ่มต่ำ
น้ำท่วมขังทั้งอาคารทำการและบ้านพักที่สภาพเป็นเรือนแถว 18 แถว ชั้นล่างพักอาศัยกันไม่ได้ ต้องไปเช่าโรงแรมอยู่เป็นเดือน ๆ จนกว่าจะพ้นฤดูฝน
ปีต่อมา พล.ต.ต.ไชยยศ จินดาทอง ย้ายไปเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี รับผิดชอบงานฝ่ายบริหารเล็งเห็นถึงปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ได้จัดทำคำของบประมาณมาก่อสร้าง อาคารที่ทำการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี อาคารสถานีตำรวจภูธรเมืองปราจีนบุรี อาคารที่ทำการกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี
รวมถึงบ้านพักอาศัยของข้าราชการตำรวจในสังกัดเป็นแฟลต 7 หลัง บ้านพักประจำตำแหน่งผู้บังคับการ 1 หลัง เรือนแถว 1 หลัง และอาคารบริวารอีกมากมาย
สร้างรั้วล้อมรอบทั้งที่ทำการและบ้านพักเพื่อมิให้ราษฎรบุรุกเข้ามาในเขตพื้นที่ในอนาคต
ได้รับอนุมัติ งบประมาณเกือบ 1 พันล้านบาท เนรมิตโฉมใหม่ของพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี เรียกได้ว่า ดีที่สุดในบรรดา 8 จังหวัด ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ในขณะนั้น
เปลี่ยนสภาพเดิมที่ทรุดโทรมจนไม่มีหลงเหลือภาพเก่าอยู่
เจ้าตัว ไม่ได้ขออะไรมากมาย เพียงแค่ลานฝึกขนาดใหญ่ด้านหน้าที่ทำการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรีที่ไว้ทำกิจกรรมและฝึกทบทวนยุทธวิธี ให้ปักป้าย “ลานฝึกจินดาทอง” ไว้เป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงบ้าง
นิมนต์เกจิอาจารย์ในจังหวัดมาเจิมเป็นสิริมงคล
ปักไว้นาน 10 ปีเศษถึงคราวที่ถูกรื้อทิ้งตามคำบัญชาของนายตำรวจรุ่นน้อง
ผู้รื้อถอนนำเสาสแตนเลสอย่างดีไปขาย ส่วนป้ายชื่อวางทิ้งไว้ให้สุนัขฉี่รดแบบทุเรศแก่สายตาผู้ผ่านไปมา กระทั่งลูกน้องเก่าทนไม่ได้แอบเอาไปเก็บรักษาตอนค่ำ
“ทุเรศ ถ้าจะทำกันแบบนี้ ชื่อและนามสกุลผมคงจะเต็มทั้งจังหวัด…. ไปแล้ว เดี๋ยวจะรื้อทิ้งให้หมด” นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นน้องทำตามที่พูด
นายพลรุ่นพี่วัยปลงระวางได้แต่มองสะท้อนความหลัง เขาเข้าใจในบริบทความเปลี่ยนแปลง ทว่าไม่ชอบบทบาทการแสดงและถ้อยคำแสลงหู
น่าอดสูยิ่งนัก