ทางโลกไม่ช้ำ ทางธรรมไม่ขุ่น
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยกเอาธรรมะสอนใจของ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ อดีตเกจิอาจารย์วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พระผู้จุดประทีปกลางดวงใจ
หลวงปู่ท่านเมตตากล่าวเตือนลูกศิษย์เสมอๆ ว่า เรายังอยู่ทางโลก แม้ว่าเราจะมีศรัทธามาประพฤติปฏิบัติธรรม เราจะทิ้งทางโลกไม่ได้
ท่านว่า “เราต้องเหยียบเรือสองแคม ทางโลกต้องไม่ให้ช้ำ ทางธรรมต้องไม่ให้เสีย”
สุดท้าย เพื่อไม่ให้ลูกศิษย์ไปแบ่งแยกทางโลกทางธรรมจนเกินไป ท่านแนะว่า ให้พยายามกลมกลืนการปฏิบัติธรรมเข้าไว้ในชีวิตประจำวัน ด้วยการดูจิต รักษาจิต มีสติทุก ๆ อิริยาบท
“เวลาโลภ โกรธ หลง กำลังเข้าครอบงำจิตเราอยู่ ให้มีรู้เท่าทัน ทางโลกนั้น มีประโยชน์เกื้อหนุนทางธรรมมาก อย่างน้อย ๆ ก็สร้างแรงกระทบที่จะเป็นเครื่องทดสอบว่าเรามีศีล สมาธิ ปัญญา จริงและเพียงพอหรือไม่”
โบราณท่านว่า เรือที่จอดเทียบท่า ยังไม่อาจรู้ว่าเป็นเรือดีหรือไม่ ต่อเมื่อออกไปฝ่าคลื่นลมแล้ว นั่นแหละจึงจะรู้ได้ว่าเรือดีหรือไม่ดี
“บางคนบอกฉันเป็นคนมีศีล แต่พอคนเอาเงิน หรือสิ่งของมาให้ เพื่อให้ช่วยทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบปฏิบัติ ก็ทำให้เขา ศีลข้ออทินนาและมุสาก็ไม่บริสุทธิ์แล้ว”
บางคนบอกว่าตัวเองเป็นผู้มีปรกติดูจิตตัวเองได้ตลอด พอคนที่บ้านพูดไม่เข้าหูนิดเดียว ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และยังอาจบอกด้วยความหลงอีกว่า ไม่ได้โกรธๆ
สิ่งกระทบทางโลกจึงเป็นเครื่องช่วยชี้วัดระดับศีล สมาธิ ปัญญา เวลาครูบาอาจารย์ท่านเข้าป่าหาที่สงัด ท่านก็แค่ปลีกวิเวกเพื่อไปตั้งหลัก ก่อนที่จะออกสู่ทางโลกเพื่อทดสอบและประเมินตัวเอง
อย่างนี้นี่เอง เวลาประสบทุกข์ในทางโลกๆ หลวงปู่จึงบอกว่า “มาถูกทางแล้วล่ะ”
เป็นเหตุผลให้ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล นายพลคนดังอยากนำเอาธรรมะของพระอาจารย์หลายคนมาถ่ายทอดเตือนใจใครหลายคน
พร้อมย้ำเตือนตัวเองเสมอ
แต่ละวัน ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่เราจะบริหารเวลาให้มีคุณค่าไม่เท่ากัน