“อย่าให้ผู้ประกอบการรู้สึกว่า ที่นี่ไม่เห็นมีตำรวจเลย สามารถทำอะไรก็ได้ ใครใคร่ค้าม้าค้า ค้าช้างค้า”
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเคยบรรยายไว้ในหัวข้อ “ทิศทางตำรวจยุคใหม่” กระตุกเตือนนายพลระดับ “ผู้บัญชาการ”และ “ผู้บังคับการ” บนเวทีสัมมนาผู้นำหน่วยเมื่อตอนต้นปี 2565
ทบทวนบทบาทหน้าที่ของตัวเองของหลายคนที่นั่งอยู่ในฐานะแม่ทัพขับเคลื่อนต้นสังกัด
เป็นความเสี่ยงของคนเป็นผู้บังคับการ
“เรื่องอบายมุข หลาย ๆ ท่านไม่สมควรจะโดนอะไร แต่ท่านเกิดประสบเคราะห์กรรรม ประสบชะตากรรม ก็แสดงความเสียใจด้วย แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านั้นไม่ได้”
ครั้งนั้น เจ้าสำนักปทุมวันแสดงความเห็นยอมรับว่า ตำรวจอยู่ท่ามกลางความเห็นที่แตกต่างของคนในสังคม ตำรวจถือ กฎหมายการปราบปรามอบายมุข ในขณะที่คนกลุ่มใหญ่ใช้อบายมุขหล่อเลี้ยงชีวิตทำมาหากิน
ตกลงอบายมุขคืออะไร
“คือสิ่งที่เลี้ยงชีวิต หรือสิ่งที่ไม่ควรไปยุ่ง หรือเป็นทั้งสองอย่าง” พล.ต.อ.สุวัฒน์ตั้งคำถาม
เขาบอกว่า การควบคุมกำกับดูแลอบายมุข ไม่สามารถทำให้อบายมุขหายไปจากโลกนี้ แต่ตำรวจต้องไม่เป็นผู้ไปสร้างมันขึ้นมา ถ้ามันจะเกิดก็ขอให้เกิดโดยธรรมชาติแล้วไปจัดการอะไรที่มันเกินเลย
อบายมุขที่ทำให้เกิดเรื่องของการประทุษร้ายร่างกายและทรัพย์สินตามมา เรื่องพวกนี้ตำรวจต้องจัดการ
ต้องไปกำกับดูแล ป้องกันปราบปราม กดดันให้อยู่ในวงจำกัด
ถือเป็นความเสี่ยงในชีวิตผู้กำกับหัวหน้าสถานี ความเสี่ยงของผู้บังคับการ
กลายบทเรียนสังเวยเก้าอี้ พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เหตุจากพิษความขัดแย้งในเขตอิทธิพลธุรกิจการพนันกลางเมืองหอยใหญ่ในทันทีที่มือปืนดักลอบสังหารนางจิตตภัส หรือ เจ๊หญิง เชิดชูพงศ์เจริญ อายุ 43 ปี เจ้าแม่บ่อนพนันคนดังอย่างโหดเหี้ยม มี พ.ต.อ.นิพล ชาตรี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี “เจอหางเลข” ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปก่อนหน้าไม่กี่วัน
ส่งสัญญาณเตือนตามนโยบายของ “แม่ทัพสีกากี” ที่พร้อม “สะบัดแส้” ได้ทุกเมื่อหากพลาดพลั้งบกพร่อง
หลายท้องที่อดอยาก “ปากแห้ง” มานานพยายาม “หลิ่วตา” เปิดลิ้นชักเรียกรับของกำนัลแลก “ไฟเขียว” นายทุนอบายมุขกระเป๋าหนักอาจต้องใส่เสื้อเกราะไม่ให้ถูก “เจาะท้ายครัว”
ปิดป้อง ปิดข่าว ไม่ให้รั่วไหล แต่จะทำได้อย่างไรในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน
เฉกเช่นปฏิบัติการของชุดเฉพาะกิจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษบุกทลายบ่อนใหญ่ใจกลางกรุงตอนดึกบริเวณชั้นใต้ดินตึกอโยธยาทาวเวอร์ ซอยรัชดาภิเษก 18 แขวงและเขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร รวบนักพนันได้ 52 คน แยกเป็นชาย 34 คน หญิง 18 คน
ยอดของกลางเป็นเงินสดมากถึง 4,356,700บาท อุปกรณ์เล่นการพนัน บาคาร่า รวม 30 รายการ
นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร
พ.ต.อ.สุธิศักด์ พิริยะภิญโญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร อยู่ระหว่างไปอบรมหลักสูตรพัฒนาความรู้ด้านกฎหมายและสอบสวนเมื่อได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งสูงขึ้นอาจไปต้องเอา “คอขึ้นเคียง” มี พ.ต.อ.วรสรรค์ แสนสุข ผู้กำกับการ(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ไปนั่งรักษาราชการแทน
เช่นเดียวกับสถานการณ์ร้อนของ พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ที่ยังต้องลุ้นสัญญาณ “เขย่าเก้าอี้”
ท่ามกลาง “อาฟเตอร์ช็อก” กระเทือนถึงนายพลทั่วเมืองหลวง