วันที่ 5 กรกฎาคม 2565 เป็นวันแห่งประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของตำรวจ เมื่อรัฐสภามีมติวาระสาม ผ่านร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ฉบับที่…. พุทธศักราช. …( 172 มาตรา) ขั้
ตอนต่อไปใน 5 วัน ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจสอบตัวอักษร วรรค ตอน
ภายใน 20 วัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะนำความขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระวินิจฉัย ทรงลงพระปรมาภิไธย ก่อนที่นายกรัฐมนตรีรับสนองพระบรมราชโองการ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลบังคับใช้นับแต่วันที่ถัดจากวันประกาศ
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ เชื่อว่าตำรวจทุกระดับ สายตามอง หูฟังเข้าไปในการประชุมรัฐสภากันโดยไม่ได้นัดหมาย
ด้วยเหตุกฎหมายฉบับนี้กำลังจะเสร็จจะมีผลบังคับใช้ในช่วงใกล้ฤดูกาลแต่งตั้งพอดี
คำถามในใจก็คือ “แต่งตั้งครั้งนี้ใช้หลักเกณฑ์เก่า หรือใหม่กันนะ”
ประเด็นนี้อภิปรายกันอย่างกว้างขวางมากใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง พล.ต.ท.อำนวยร่วมตอบข้อสงสัยของสมาชิกรัฐสภาในบางประเด็นด้วย
ในที่สุดสภา มีมติในช่วงแรกเมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับเป็นเวลาร้อยแปดสิบวัน(หกเดือน) การคัดเลือกและการแต่งตั้ง ให้ใช้หลักเกณฑ์เดิมไปก่อน เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อป้องกันการได้เปรียบเสียเปรียบ และให้ข้าราชการตำรวจได้มีเวลาปรับตัว
เช่น กรณีย้ายข้ามกองบัญชาการหรือเปลี่ยนสายงาน จะได้ไม่เกิดลักษณะ “ปุบปับจับยัด”
ในส่วนของบทบัญญัติมาตราอื่น ๆ ที่ไม่มีบทเฉพาะกาลจะมีผลบังคับใช้ทันที เช่น มาตรา 53 ตำแหน่งข้าราชการตำรวจมี 5 กลุ่มสายงาน ดังต่อไปนี้
(1) กลุ่มสายงานบริหาร
(2) กลุ่มสายงานอำนวยการและสนับสนุน
(3) กลุ่มสายงานสืบสวนสอบสวน ได้แก่ สายงานสืบสวนสอบสวน สายงานสืบสวน และสายงานอื่นที่ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจกำหนด
(4) กลุ่มสายงานป้องกันปราบปราม ได้แก่ สายงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และสายงานอื่นที่ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจกำหนด
(5) กลุ่มสายงานวิชาชีพเฉพาะ
กลุ่มสายงานใดจะมีสายงานใด และตำแหน่งใดอยู่ในสายงานใด ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจกำหนดที่ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับการแบ่งสายงานตามวรรคหนึ่ง
ต้องปรับเปลี่ยนกำลังพลเข้าสู่สายงานทั้งห้าสายงาน
ที่สำคัญยิ่งคือ กลุ่มสายงานที่ 3 กลุ่มสายงานสืบสวนสอบสวน
ต่อไปจะไม่มีรองสารวัตร สารวัตร รองผู้กำกับการสืบสวนอีก แต่จะมีตำแหน่งสืบสวนสอบสวน คือ ฝ่ายสืบสวนจะอยู่ในกลุ่มสายงานนี้ ส่วนสายงานป้องกันปราบปรามไม่ต้องเขียนให้มีสายสืบ เพราะหน้าที่และอำนาจในการสืบสวนมีอยู่ในตัวแล้ว
นอกจากนี้มีการสร้างให้กลุ่มสายงานนี้โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนมีความเป็นอิสระจะได้ปราศจากการแทรกแซง ให้เจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ในระบบเลื่อนไหล
ทั้งนี้ตาม มาตรา 54 วรรคสอง
“นอกจากตำแหน่งข้าราชการตำรวจตามวรรคหนึ่ง เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานในกลุ่มสายงานสืบสวนสอบสวนคณะกรรมการข้าราชการตำรวจจะกำหนดให้ตำแหน่งรองสารวัตรในสถานีตำรวจ หรือส่วนราชการระดับกองกำกับการอื่นที่ปฏิบัติงานด้านการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมตามจำนวนที่เห็นสมควร เป็นตำแหน่งควบที่สามารถปรับระดับเพิ่มลดได้ในตัวเองสูงขึ้นถึงระดับรองผู้กำกับการ และจะกำหนดให้ตำแหน่งผู้กำกับการในกองบังคับการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรจังหวัด หรือส่วนราชการระดับกองบังคับการอื่นที่ปฏิบัติงานด้านการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมตามจำนวนที่เห็นสมควร เป็นตำแหน่งควบที่สามารถปรับระดับเพิ่มลดได้ในตัวเองสูงขึ้นถึงระดับรองผู้บังคับการ ก็ได้“
ส่งผลให้การอำนวยความยุติธรรมในทางอาญาจะมีความเป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแซง ไม่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของบุคคลใดเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 258 ข้อ ง. (4)
พล.ต.ท.อำนวยอธิบายว่า เขียนอีกจะยาวไป ไฮไลต์ของพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับนี้ยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น ให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.ค.พ.ตร.) คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ(ก.ร.ตร.)
ยกเลิกการยกเว้นหลักเกณฑ์ของกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจให้กับบางคน (ทุกคนอยู่ภายใต้กฎเดียวกันอย่างเสมอภาค) เป็นต้น
เจ้าตัวจะได้ทยอยเขียนให้ได้อ่านกันต่อไป