กลายเป็นปฏิบัติการฮือฮากระฉ่อนวงการลูกหนังไทย
เมื่อทีมเฉพาะกิจของกองบัญชาการตำรวจนครบาลร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแกะรอยขบวนการล็อกผลการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกรายสำคัญ
ใช้เวลานาน 4 เดือนรวบรวมหลักฐาน
นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดทั้งสิ้น 12 ราย ประกอบด้วย นักฟุตบอลอาชีพ 5 ราย คือ นายสุทธิพงษ์ เหลาพร สังกัดทีมราชนาวี เอฟซี นายณรงค์ วงษ์ทองคำ สังกัดทีมราชนาวี เอฟซี นายสุวิทยา นำสินหลาก สังกัดทีมราชนาวี เอฟซี นายเสกสันต์ ชาวทองหลาง สังกัดทีมราชนาวี เอฟซี นายวีระ เกิดพุดซา สังกัดทีมนครราชสีมา มาสด้าเอฟซี
กรรมการผู้ตัดสิน (ฟีฟ่า) 1 ราย คือ นายภูมิรินทร์ คำรื่น และไลน์แมน 1 ราย คือ นายธีรจิตร สิทธิศุข
ผู้บริหารสโมสร 1 ราย คือ นายเชิดศักดิ์ บุญชู ผู้อำนวยการสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี
ส่วนกลุ่มนายทุนหรือตัวแทนนายทุน 4 รายที่อยู่เบื้องหลัง มี นายวัลลภ สมาน นายกิตติภูมิ ปาภูงา นายมานิตย์ หรือ เศรษฐปสิทธิ์ โกมลวัฒนะ และนายภาคภูมิ พันธ์นิกุล
เบื้องหลังการเก็บกวาดขยะวงการฟุตบอลไทยครั้งนี้ แท้จริงเริ่มจาก “ทีมโปลิศเทโร” เห็นความไม่ชอบพากลของผู้ตัดสินในหลายนัด พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ รองผู้บังคับการตำรวจสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ ในฐานะผู้จัดการทีมทั่วไปจึงหารือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ประธานคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทติดตามความเคลื่อนไหว
ได้“ทีมงานสปอร์ตเรดาร์” ของเอเอฟซีที่จับตา 16 ชนิดกีฬาทั่วโลกเข้ามาช่วยวิเคราะห์เกมกับอัตราต่อรองของบ่อนการพนันที่ถูกกฎหมายในต่างประเทศ
เมื่อทราบข้อมูลแน่ชัด พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนนครบาล ได้รับมอบหมายให้นำกำลังร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางรวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่ง “กระชากหน้ากาก” ขบวนการล้มบอลครั้งประวัติศาสตร์กีฬาลูกหนังเมืองไทย
ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬา พ.ศ.2556
มีโทษทางอาญาอยู่ในหมวดที่ 8 มาตรา 64 ผู้ใดให้ หรือขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่นักกีฬาอาชีพหรือผู้อื่น เพื่อจูงใจให้นักกีฬาอาชีพกระทำการล้มกีฬา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 65 ผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นเพื่อให้มีการกระทำการล้มกีฬา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 66 ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ตัดสินหรือผู้อื่นเพื่อจูงใจให้ผู้ตัดสินทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบ หรือกติกาการแข่งขัน หรือทำหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 67 ผู้ตัดสินใดเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาการแข่งขันหรือทำหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สามแสนบาทถึงหกแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 68 ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (1) ไม่มาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารหลักฐานหรือสิ่งอื่นใดตามคำสั่งของคณะกรรมการ (2) ขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของนายทะเบียน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่
เปิดเกมเชือดไก่ให้ลิงดูที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยันว่า ยังมีขบวนการที่เหลืออีกหลายกลุ่มอยู่ระหว่างขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิด
เป็นเพียงแค่มวยยกแรกที่ต่อยหมัดเข้าเป้า
เพราะดันมาเขย่าหนวดเสือกระตุกเกมที่ “โปลิศเทโร” ลงฟาดแข้งแบบค้านสายตาแท้ ๆ