ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา อาจารย์ (สบ 2) กลุ่มงานคณะสังคมศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยสถิติและรูปแบบอาชญากรรมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับความรักรับช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ให้ประชาชนมีสติ แนะวิธีป้องกันไม่ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อ “รักเขา รักษาเงินในบัญชีตัวเองด้วย”
.
พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ประชาสัมพันธ์ว่า สถิติอาชญากรรมออนไลน์ประจำเดือ มกราคม 2566 จากศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ พบว่าสถิติคดีเกี่ยวกับการหลอกให้รักยังสูงถึง 403 คดี แบ่งเป็นคดีประเภทหลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน 168 เรื่อง และคดีหลอกลวงให้รักแล้วลงทุน 235 เรื่อง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 190 ล้านบาท
.
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภัยออนไลน์เกี่ยวกับความรักหรือ Romance Scams คือการใช้เทคนิคทางจิตวิทยาพัฒนาความสัมพันธ์กับเหยื่อผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ สร้างความเชื่อใจระหว่างบุคคล แล้วทำการหลอกลวงด้วยวิธีการต่างๆ มีเป้าหมายสูงสุดคือการได้รับเงิน ในปัจจุบันพบหลากหลายวิธี เช่น (1) หลอกให้รักแล้วโอนเงิน (Romance scam) ด้วยการสร้างเรื่องราวต่างๆ ที่ให้ความหวังหรือที่น่าเห็นใจ (2) หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน (Hybrid scam) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ปลอมด้วยการโอนเงินหรือลงทุนในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล (3) หลอกให้รักแล้วกดลิงก์/ดาวน์โหลดแอปรีโมท (Remote access scam) ควบคุมสมาร์ทโฟนและทำการดูดเงินในบัญชี และ (4) หลอกให้รักแล้วแบล็คเมล์ (Sextortion) ขู่กรรโชกทางเพศ ด้วยการชวนทำกิจกรรมทางเพศผ่านทางออนไลน์ แล้วนำภาพหรือวิดีโอมาขู่เรียกค่าไถ่ หรือบีบบังคับให้กระทำการอื่นๆ
.
ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์ แนะข้อสังเกตแจ้งเตือนประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อโจรลวงรักออนไลน์ ดังนี้
1. ใช้รูปโปรไฟล์ของคนหน้าตาดี : มิจฉาชีพมักจะสร้างตัวตนปลอมโดยใช้รูปโปรไฟล์ที่หน้าดึงดูด คุยเก่งอัธยาศัยดี มีประวัติที่น่าสนใจ ประชาชนจึงควรตรวจสอบ ยืนยันตัวบุคคลที่เราคุยด้วยทางแพลตฟอร์มออนไลน์ให้ชัดเจนในหลากหลายช่องทาง ระลึกไว้เสมอว่า ไฟล์เอกสารยืนยันตัวตนที่ส่งมา หรือเว็บไซต์บริษัทหรือหน่วยงานที่ปรากฏชื่อคนที่เราคุยด้วยอาจถูกปลอมแปลงขึ้นมาอีกที และหากมีการขอให้เปลี่ยนช่องทางในการคุย โดยการแนะนำให้ดาว์นโหลดแอปพลิเคชัน หรือกดลิงค์ไม่ทราบที่มาที่ไปชัดเจน ห้ามกดเด็ดขาด เพราะอาจเป็นแอปรีโมตที่สามารถดูดเงินให้บัญชีของเราได้
2. หลอกขายฝัน : มิจฉาชีพมักจะแสร้งว่ามีความรักความปรารถนาดีให้ และทำการแนะนำให้ทำการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต หรือหลอกว่าจะมาใช้ชีวิตหรืออนาคตด้วยกัน ดังนั้นหากคนที่กำลังคุยทางออนไลน์มีการชักชวนให้ทำการลงทุนผ่านแอปพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ หรือขอความช่วยเหลือด้านการเงิน เช่น ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล และค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าภาษีของมีค่าของขวัญที่ส่งมาให้ ให้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นมิจฉาชีพ
3. ลวงเอาข้อมูลส่วนตัว : มิจฉาชีพมักจะคุยและหลอกล่อให้เราเผยข้อมูลส่วนตัว หรือส่งเอกสารสำคัญให้ เพื่อนำไปใช้ในทางที่ผิดและสร้างความเสียหาย นอกจากนี้ ประชาชนต้องระมัดระวังการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวทางสื่อสังคมออนไลน์ การเช็คอิน การเปิดเผยกิจวัตรประจำวันที่มากเกินไป และไม่ส่งรูปภาพ คลิปวีดีโอ หรือการวีดีโอคอล ในลักษณะโป๊เปลือย ที่อาจนำไปสู่การแบลกเมล์เรียกค่าไถ่ รวมถึงระมัดระวังการนัดพบกับคนคุยออนไลน์ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน อยู่เสมอ ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด