สืบสวนนครบาลขอดเกล็ดสยบแก๊งมังกรตุ๋นทองเก๊

 

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล นำกำลังทลายเครือข่าย “แก๊งมังกรเจียงซี” รวบตัวมิจฉาชีพชาวจีน 6 ราย ตรวจยึดของกลาง “ทองเก๊” ได้เกือบ200 ก้อน น้ำหนักรวมประมาณ 30 กิโลกรัม หลังตระเวนเดินสายหลอกขายคนไทยเชื้อสายจีนย่านเยาวราช มีผู้เสียหายหลายรายรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

แผนประทุษกรรมสุดแสบของมิจฉาชีพกลุ่มนี้ใช้วิธีการหาเหยื่อจากลายแทง “สมุดรายชื่อคนไทยเชื้อสายจีน” คัดรายชื่อเฉพาะบุคคลที่มีฐานะดีที่อยู่ในประเทศไทย จากนั้นใช้วิธีโทรติดต่อเหยื่อแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานอยู่ประเทศอินโดนีเซียเป็นอาชีพเก่าของคนร้าย เมื่อคนร้ายเลือกเหยื่อได้แล้วก็จะใช้การต้มตุ๋นที่วางแผนมาอย่างแยบยลด้วยการนำทองจริงฝังไว้กลางทองปลอม ผ่าให้ตรวจพิสูจน์ว่าเป็นทองจริง อ้างว่า ได้รับสัมปทานการขุดทองมาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมาย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ควบคุมสั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล นำกำลัง พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผู้บังคับการสืบลสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์  ทองแพ ผู้กำกับการ(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.อ.สามารถ พันธุ์ล้วน ผู้กำกับการ(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผู้กำกับการ(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบลสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สารวัตร (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ รองสารวัตรสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2  ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ รองสารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมสืบสวนติดตาม

กระทั่งจับกุมตัว 6 ผู้ต้องหาช่าวจีน ประกอบด้วย นายจง เสี่ยวฉง อายุ 44 ปี  นายหลี่ เสี่ยวหยวน อายุ 45 ปี
นายเจิ้ง หนานจิง อายุ 54 ปี  นายหยาง ซุยหยวน อายุ 51 ปี  นายจู จื้อฮวา อายุ 48 ปี  และนายกั๋ว เซียนหยู อายุ 49 ปี  บริเวณหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดของกลางกว่า 7 รายการ เป็นทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นก้อน จำนวน 179 ชิ้น ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นรูปปั้นเทวรูป จำนวน 10 ชิ้น ทองคำ (แท้) ลักษณะเป็นแผ่นบาง 2×1 ซม. จำนวน 8 ชิ้น สมุดสมาคมคนจีนในประเทศไทย 46 เล่ม บัตร เอทีเอ็มจำนวน 24 ใบ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 12 เครื่อง อุปกรณ์เลื่อยตัดทอง จำนวน 1 ชุด

พฤติการณ์กล่าวคือ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลได้รับแจ้งจากผู้เสียหายชาวจีนสัญชาติไทยรายหนึ่งซึ่งได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งเป็นชาวจีน “ต้มตุ๋น” หลอกขายทองคำ ทำทีว่ามีทองคำแท้จำนวนมากขุดเจอที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยานำมาขายให้ในราคาถูก ผู้เสียหายหลงเชื่อและเสียเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพรายนี้ไปกว่า 500,000 บาท หลังจากให้เงินแล้วกลุ่มมิจฉาชีพก็ได้หายเข้ากลีบเมฆ ไม่สามารถติดต่อได้อีก

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลได้ตระเวน “เปิดแฟ้มคดี” ที่กลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้เคยตระเวนหลอกลวงเหล่าผู้เสียหาย พบว่าลักษณะการก่อเหตุมีความแยบยลอย่างมืออาชีพ และมีลักษณะการทำงานเรียกได้ว่าเป็นระดับ “องค์กร” เริ่มต้นจากกลุ่มคนร้ายจะหาลายแทงของเหยื่อโดยการ “กางโพย”  คือ สมุดรายชื่อตระกูลคนจีนในประเทศไทย ตั้งแต่เจ้าสัวตระกูลดัง จากนั้นจะไล่สืบประวัติและติดตามบุคคลเหล่านั้นกระทั่งได้ข้อมูลเบื้องต้น ก่อนเริ่มเข้าสู่กระบวนการต้มตุ๋นด้วยการโทรศัพท์ไปพูดคุย อ้างข้อมูลต่างๆที่ได้จากการไล่สืบประวัติมาทำให้เหยื่อ “ติดกับดัก” หลงเชื่อใจกลุ่มมิจฉาชีพ แล้วเข้าสู่กระบวนการ “นัดพบ” มีการใช้จิตวิทยาด้วย “การแสดง” นำทองคำ (ปลอม)  มีลักษณะเป็นก้อนจำนวนมากมาโชว์ให้เหยื่อดูและแสร้งนำเลื่อยมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็กเพื่อนำให้เหยื่อเอาไปตรวจสอบ  แท้จริงมีเพียงชิ้นเล็กเท่านั้นที่เป็นทองแท้  เมื่อเหยื่อนำทองชิ้นเล็กเหล่านั้นไปตรวจสอบกับร้านทองจะพบว่าเป็นทองคำแท้ ทำให้หลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพอย่างสนิทใจ  เมื่อเหยื่อยอมนำเงินมอบให้ กลุ่มมิจฉาชีพแล้วก็จะหายเข้ากลีบเมฆทันที


ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สืบสวนด้วยวิธีการ “ดักหน้า” โ พบกับเหยื่ออีกรายหนึ่งที่กำลังจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้หลอกลวง วางแผนและเปิดปฏิบัติการซ้อนแผน “ขอดเกล็ด”  จัดฉากทำทีให้เหยื่อหลงเชื่อและนัดพบกับกลุ่มมิจฉาชีพหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ก่อนจับกุมได้พร้อมของกลาง  สอบสวนยังให้การปฏิเสธอ้างมาจากเมืองเจียงซี ประเทศจีน เคยทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ประเทศอินโดนิเซีย ก่อนที่จะมาตระเวนหลอกลวงในประเทศไทย ยอมรับว่า การสั่งซื้อทองปลอมนั้นนำเข้ามาจากเมืองเจียงซี ประเทศจีน สั่งมาทางพัสดุเข้ามาในประเทศไทย มีกลุ่มของตนชื่นชอบการต้มตุ๋นที่ได้แรงบรรดาลใจจากซีรีส์ดังในต่างประเทศ ส่วนเรื่องทางคดีนั้นขอต่อสู้คดีในชั้นศาล

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลกล่าวเพิ่มเติมว่า คนร้ายกลุ่มนี้ถือเป็นแก๊งต้มตุ๋นมืออาชีพซึ่งมีแรงบรรดาลใจที่จะเป็นนักต้มตุ๋นเป็นทุนเดิม และยังมีพื้นฐานการหลอกลวงมาจากประสบการณ์ที่เคยทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้กรรมวิธีในการหลอกลวงนั้นแยบยลและยังมีการวางแผนที่จะหลอกลวงอย่างเป็นระบบ ถือเป็นภัยสังคมที่น่ากลัวอย่างยิ่ง จากการขยายผลเชื่อว่ ายังมีผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆที่ยังอยู่ในประเทศไทยซึ่งเราจะมีการขยายผลจนถึงที่สุด และขอแจ้งเตือนไปยังประชาชนที่มีชื่ออยู่ในสมาคมคนจีนในประเทศไทย ให้ระวังกลุ่มมิจฉาชีพประเภทนี้  จากข้อมูลทางการสืบสวนมิจฉาชีพกลุ่มนี้มักให้เหยื่อผู้เสียหายเดินทางไปพบเพียงคนเดียว หากเหยื่อรายใดไหวตัวทันก่อนอาจร้ายแรงถึงขั้นถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่  ขอฝากถึงห้างร้านทองต่างๆ กรณีที่มีคนนำแผ่นเศษทองมาให้ทางร้านตรวจสอบนั้นผู้ที่นำมาตรวจสอบอาจเป็นผู้เสียหายที่กำลังตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพกลุ่มนี้ ฉะนั้นแล้วหากพบให้รีบแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ หรือสามารถแจ้งมาทางช่องทางเฟสบุ๊คเพจ สืบนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

RELATED ARTICLES