“ไม่คิดในมุมเรื่องล่อเป้า อยากสื่อว่าคดีนี้ไม่มีมวยล้ม เราตามตลอด” พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรระแงะ จังหวัดนราธิวาสว่าถึงเหตุผลนำเอาป้ายไวนิลขนาดใหญ่มหึมามาติดหน้าโรงพัก
เป็นภาพหมายจับผู้ต้องหาคดีถล่มโรงพักเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560
วันที่เจ้าตัวไม่เคยลืม
อดีตนักสืบลูกหม้อนครบาลติดตาม พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ที่ขณะนั้นเป็นรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 มาช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ส่วนหน้า) จังหวัดยะลา ที่สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ด้ามขวานกำลังลุกโชน
ทิ้งความสุขสบายส่วนตัวในเมืองหลวงมาสวมบทนักรบสมรภูมิไฟใต้
แต่ไม่ได้ต้องการจะมาสร้างศัตรู แค่หวังคืนสันติสุขแกชาวบ้านไทยพุทธและมุสลิม
นายตำรวจหนุ่มนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 50 พยายามเดินหน้าสร้างมวลชนควบคู่กับพัฒนางานโรงพักปลุกขวัญกำลังใจลูกน้องทุกครั้งที่ย้ายไปดำรงตำแหน่ง ให้มีความพร้อมอยู่เสมอ และดำรงตนอยู่ด้วยความไม่ประมาท
ทั้งที่รู้แก่ใจว่า สักวันต้องตกเป็นเป้าโจมตี
เช้าวันนั้นระหว่างเข้าแถวเคารพธงชาติก่อนอบรมลูกน้องตามปกติ เหตุการณ์ที่ไม่เกินความคาดหมายก็บังเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มคนร้ายนั่งรถกระบะผ่านมาหน้าโรงพักแล้วกราดอาวุธสงครามยิงถล่มใส่เจ้าหน้าที่ กระสุนเฉี่ยวปลายคาง พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ บาดเจ็บเล็กน้อย เช่นเดียวกับ ส.ต.ต.พงศ์ธร แก้วประดิษฐ์ ส.ต.ต.พิชิต ทองรส
ส่วน ด.ต.ธีรพงษ์ แก้วชำนาญ โดนกระสุนจนเสียดวงตาข้างซ้าย
ทว่าไม่เลวร้ายเท่า ส.ต.ท.ศุภักษร สะยุคงทน ที่ต้องแลกด้วยชีวิต
หลังเกิดเหตุ พวกเขาไม่เคยเสียขวัญและยืนยันจะยึดมั่นอุดมการณ์ตามเดิม คือ ดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านในพื้นที่
ขณะเดียวกันได้กระจายกำลังแกะรอยรวบรวมหลักฐานติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุนำไปสู่การออกหมายจับ นายอับดุลฮาดี อาบูคาโอ๊ะ นายฮาฟีซูเด็ง วามะ นายสือดี ปูเตะ นายอาซือมืง ปูเตะ และนายยากี เวาะงอย นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ
ในที่สุด ผู้กำกับการโรงพักระแงะได้หารือลูกน้องทุกนายยินยอมพร้อมใจกันทำป้ายไวนิลหมายจับ 5 แกนนำผู้ร่วมก่อเหตุเป็นป้ายขนาดใหญ่ มองเห็นเด่นชัด สะดุดตารถทุกคันที่ผ่านไปผ่านมา เพื่อเป็นเบาะแสติดตามจับกุม
สามารถโทรแจ้งได้ที่หมายเลข 073 671 967
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์เสียหายมากกว่าชื่นชมว่าเป็นท้าทายหรือไม่
นายตำรวจหนุ่มยืนยันหนักแน่น
“ถ้าตำรวจกลัวโจร คนในประเทศจะอยู่อย่างไร ตั้งแต่ตัดสินใจเข้ามาเป็นตำรวจ ชีวิตเราก็มอบให้ประเทศชาติไปแล้ว เมื่อวันนี้มีลมหายใจก็ต้องต่อสู้เพื่อความสงบสุขใน 3 จังหวัดภาคใต้ ต่อสู้เพื่อเอาคนร้ายที่ฆ่าลูกน้องเรามาลงโทษให้ได้”
เขาบอกด้วยว่า เราไม่ต้องการให้เหตุเกิดซ้ำรอยเป็นบทเรียนเดิมๆ ไม่มีใครอยากจะเสียเพื่อนตำรวจไปเพราะน้ำมือคนร้าย และไม่รู้สึกว่า ต้องกลัวอะไร เมื่อทุกคนมาอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องดูแลประชาชน หากเราปกป้องตัวเองไม่ได้ แล้วประชาชนจะอยู่อย่างไร
“เราหนีไม่ได้ และไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าเดินหน้าสู้” พ.ต.อ.สุรพงษ์ว่า
เป็นโรงพักนำร่องติดภาพประกาศล่าโจรเด่นหราที่ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เห็นตรงกันว่า หากทุกโรงพักทำแบบเดียวกันทั้งพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เท่ากับจะปิดเส้นทางการใช้ชีวิตของคนร้ายได้มากขึ้น
วัดใจใครจะ “ขี้ขลาดตาขาว”กว่ากัน
แต่อย่าปล่อยให้พวกเขารบเพียงลำพัง