ตามรอยลากคอเดนนรกบังคับลูกเลี้ยงวัย 12 เสพยาแล้วขยี้กาม

 

“เอส คอลาย” เดนทรชนในคราบ “พ่อเลี้ยง” ไม่เพียงเป็นขี้ยาธรรมดา แต่ยังเป็นพวกหมกมุ่นในกามอารมณ์ จิตวิปริตโมอวัยวะเพศจนเหมือนต้นคริสต์มาสพร้อมความภาคภูมิใจ วีรกรรมล่าสุดเจ้าตัวพาลูกเลี้ยงเป็นเด็กหญิงวัยเพียง 12 ปี หนีจากบ้านไปออกเร่ร่อนก่อนจะ “บังคับให้เด็กเสพยาและลงมือปู้ยี่ปู้ยำ” สุดเวทนา  เด็กร้องเจ็บปวดทุกครั้งที่ถูกกระทำ ตลอดการเร่ร่อนจะ “ล้างสมอง” ให้เด็กเกลียดแม่ตัวเองให้ลาออกจากโรงเรียน และตกเป็นธาตุกามอารมณ์ของตัวเองเท่านั้นไม่ต้องทำอย่างอื่น ทำเอาครอบครัวเหยื่อแทบขาดใจตาย โพสต์ข้อความประกาศตามหาเด็กจนกลายเป็นไวรัล  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ส่งสืบนครบาลและนักเรียนหลักสูตรสืบสวนคดีอาญารุ่น 110  ไล่ล่าติดตามอย่างระทึกจนไปจับตัวและสามารถช่วยเหลือเด็กได้ก่อนจะถูกคนร้ายพาหนีลงไปทางภาคใต้

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อำนวยการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล หัวหน้าชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติดปฏิบัติการที่ 5 ศูนย์อำนวยการป้องกันปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมาย พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการแผนกวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผู้กำกัลการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล

นำกำลังประกอบด้วย พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผู้กำกับการสืบสวน 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สารวัตร (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4  ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวน 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พร้อมกำลังนักเรียนหลักสูตรสืบสวนคดีอาญารุ่น 110 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มี ร.ต.อ. มนตรี เฉลิมวัฒน์ รองสารวัตร กองกำกับการ 1 กองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด  ร.ต.อ.จิรศักดิ์ ว่องไว รองสารวัตร กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ร.ต.อ.ชัยวิทย์ หาญญ์สุวรรณนที รองสารวัตร กลุ่มงานวิจัยและประเมินผล 2 กองวิจัยสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รองสารวัตร ฝ่ายอำนวยการ 2 กองบังคับการอำนวยการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ร.ต.ท.เดชาธร ชมศิริ รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลโชคชัย และส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ผู้บังคับหมู่กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ตามจับกุมนายวีรยุทธ แสนชัย อายุ 29 ปี  หรือ “เอส คอลาย”อยู่บ้านเลขที่ 13 ซอยอารีย์ 2 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ได้ภายในซอยตลาดวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร


พบประวัติต้องโทษคดีอาญา 13 คดี เช่น เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1   ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1  ลักทรัพย์  ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน  ชิงทรัพย์  วิ่งราวทรัพย์ และกระทำพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร พฤติการณ์กล่าว คือ นายวีรยุทธ แสนชัย ทำตัวเป็นเดนทรชนคราบ “พ่อเลี้ยง” ไม่เพียงแต่ติดยาเสพติดอย่างงอมแงม แต่ยังพ่วงความวิปริตจิตหมกมุ่นแต่ในเรื่องกามอารมณ์ เป็นสาเหตุที่มาของเรื่องราวอันแสน “หดหู่” ของเด็กหญิงอายุ 12 ปี และครอบครัว จุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันแสนหดหู่นี้ เริ่มตั้งแต่ ปี 2562 มาคบกับ น.ส.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี หญิงสาวรายนี้มี “ลูกติด” ชื่อ ด.ญ.ส้ม (นามสมมติ) อายุเพียง 8 ปีในเวลานั้น แรกเริ่มที่เดนทรชนนี้ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว น.ส.เอ๋ เป็นครอบครัวที่ปกติทั่วไป  เมื่อเวลาผ่านไป ด.ญ.ส้ม เจริญเติบโตขึ้นเข้าสู่ช่วงอายุ 11 ปี มีผู้เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของครอบครัวนี้ มักเห็นพฤติกรรมของเดนทรชนรายนี้มีความสนิทสนมกับ ด.ญ.ส้ม มากเกินกว่า พ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยง หยอกล้อในเชิงชู้สาวกับ ด.ญ.ส้ม อยู่เป็นประจำ กระทั่งในปี 2565 เรื่องราวสัมพันธ์สวาทที่ผิดศีลธรรมก็ได้แดงขึ้น เมื่อเจ้าตัวแสดงอาการหมดรัก น.ส.เอ๋ และพา ด.ญ.ส้ม ไปกินอยู่ด้วยฉันสามีภรรยาอย่างโจ่งครึ้ม ชนิดที่ว่าไม่อายฟ้าดิน

ตลอดการพาไปอยู่กินด้วยจะใช้ความเป็นเด็กของ ด.ญ.ส้ม “ล้างสมอง” ให้เกลียดแม่ตัวเอง ให้ลาออกจากโรงเรียน และให้ตกเป็นธาตุกามอารมณ์ของตัวเอง ไม่สนอนาคตของเด็กแต่อย่างใด กระทั่งในปัจจุบัน ด.ญ.ส้ม ไม่เรียนหนังสือและออกเร่ร่อนไปกับพ่อเลี้ยงเดนทรชนอย่างสุดเวทนา  เข้าใจว่า นี่คือรักแท้ จนในปัจจุบันครอบครัวของ น.ส.เอ๋ และ ด.ญ.ส้ม เรียกได้ว่าตายทั้งเป็น พ่อเลี้ยงหื่นได้พาตัว ด.ญ.ส้ม ออกไปจากบ้านอีกครั้งและพาไปร่อนเร่ “บังคับเสพยาเสพติดและลงมือกระทำชำเรา”  ผู้เป็นแม่ทราบเรื่องถึงกับใจสลาย ทั้งพยายามติดต่อตามหา แต่พ่อเลี้ยงนำโทรศัพท์มือถือของ ด.ญ.ส้ม ไปขายเพื่อนำมาซื้อยาเสพติดเสพ ผู้เป็นแม่ไร้ทางออกโพสต์ข้อความประกาศตามหา ด.ญ.ส้ม จนกลายเป็นไวรัล ประชาชนต่างช่วยกันแชร์และติดตาม

เรื่องนี้ถึงหู พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล รายงานให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมส่งมือดีชุดสืบนครบาล และนักเรียนหลักสูตรสืบสวนคดีอาญารุ่น 110 ติดตามไล่ล่าเดนทรชนรายนี้ทันที  ทราบเพียงเบาะแสว่า พาลูกเลี้ยงไปเสพยาภายในชุมชนแห่งหนึ่งย่านธนบุรี พล.ต.ต.ธีรเดชส่งกำลังลงพื้นที่ชุมชนต้องสงสัยแบบราบเป็นหน้ากลอง ทว่าสมรภูมิที่คนร้ายได้เปรียบสามารถหลบหนีชุดสืบสวนไปได้ทันควัน เล่นเอาชุดสืบสวนต้องคว้าน้ำเหลวในค่ำคืนแรก หากแต่ชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งกับอีกหนึ่งครอบครัวที่เฝ้ารอความหวังจากเจ้าหน้าที่ กระตุกจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้และสัญชาตญาณ “หมาล่าเนื้อ” ไล่ล่าติดตามร่องรอยถึงรุ่งเช้าเมื่อยามดวงอาทิตย์ขึ้นถึงคราว “ดวงโจรดับ” ชุดสืบตามกลิ่นจนพบ “รอยเท้า” เป็นเบาะแสจากพลเมืองดีรายหนึ่งในตลาดวังหลังเห็นคนร้ายเดินกับเด็กหญิงสาว“มีบาดแผลตามร่างกาย” ทำให้ระลึกถึงพฤติกรรมการชอบใช้ความรุนแรงในครอบครัวม้เบาะแสจะดูเบาบางแต่ชุดสืบสวน “มั่นใจ” คือ คนร้ายก่อนไล่ล่าติดตามไปอย่างระทึกกระทั่งไปจับกุมตัวได้ที่ตลาดวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร และสามารถช่วยเหลือ ด.ญ.ส้ม ก่อนจะถูกคนร้ายพาหนีลงไปทางภาคใต้

สอบสวนสารภาพตลอดข้อกล่าวหารับว่า ลงมือกระทำชำเราลูกเลี้ยงวัย 12 ปี จริง ไม่ได้สวมถุงยางอนามัย และตนได้ไปต่ออวัยวะเพศของตัวเอง เมื่อเวลามีเพศสัมพันธ์เด็กจะบอกว่าเจ็บตลอด และที่ทำไปเพราะความรัก ตอนแรกแค่แอบชอบ  พอพูดคุยแหย่กันไปมาก็เริ่มมีความรู้สึกรัก ตอนนี้ไม่ได้รับแม่ของเด็กแล้ว กลับมารักเด็กแทน  ที่ผ่านมา เคยถูกจับกุมตั้งแต่วัยเด็ก  รวมทั้งหมดถึงปัจจุบันกว่า 13 ครั้ง ในข้อหา เสพยาบ้า  ครอบครองยาบ้า  ครอบครองยาไอซ์  ร่วมกันชิงทรัพย์ ชิงโทรศัพท์มือถือเด็กนักเรียน  ลักทรัพย์  ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์   พรากผู้เยาว์อายุ 13 ปี ไปเพื่อการอนาจาร ล่าสุดโดนข้อหา อนาจารเด็กและอยู่ระหว่างการประกันตัว ถูกติดกำไร EM แต่ถอดทิ้งไปเพื่อหลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาของศาล เพราะไม่พร้อมที่จะติดคุก ฝากขอโทษครอบครัวของลูกเลี้ยง ทำให้เกิดเป็นปมด้อยเป็นตราบาปกับเด็ก  ยอมรับว่าไม่ได้ไปทำแบบนี้กับเด็กคนอื่นอีกแน่นอน หากเจ้าหน้าที่เผยแพร่ใบหน้าตนไปแล้วมีเหยื่อมาชี้ยืนยัน ยินดีให้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเพิ่มเติม

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลระบุว่า ประวัติคนร้ายรายนี้ถือว่าโชกโชนมากไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด  ชิงทรัพย์ อนาจาร ยาวเป็นหางว่าว ถือเป็นภัยสังคม และจากแผนประทุษกรรมในคดีล่าสุดนี้เรียกได้ว่าไม่เหลือศีลธรรมในจิตใจ กระทำกับเด็กผู้หญิงวัยเพียง 12 ปีที่เป็นลูกเลี้ยง ที่ผมไม่ได้คือการบังคับให้เด็กเสพยาเสพติดก่อนลงมือกระทำชำเราเด็ก “ผมไม่ต้องการให้คนเช่นนี้เพ่นพ่านในสังคม  ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน หากพบว่าบุตรหลานของท่านเคยตกเป็นเหยื่อ หรือมีแนวโน้มที่จะถูกคนร้ายรายนี้กระทำมิดีมิร้าย โปรดแจ้งเบาะแสมาที่เราทางเพจเฟซบุ๊ก สืบนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง และแม้จะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์  หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล”

RELATED ARTICLES