4 ชั่วโมงสุดระทึก สืบนครบาลไล่ล่า นายทักษิณ หรือตั้ม พันเพียร แก๊งทวงหนีขาโหดย่านหนองแขม หลังก่อเหตุกระทืบผู้เสียหายยับเกือบกลายเป็นผู้พิการไปตลอดชีวิต ถูกออกหมายจับ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล ส่งทีมลูกน้องร่วมกับนักเรียนสืบสวนคดีอาญารุ่น 111 ไล่ล่าติดตาม คราแรกเจ้าตัวรอดเงื้อมมือได้หวุดหวิด ก่อนหันมา “แสยะยิ้ม” ให้เจ้าหน้าที่อย่างสุดกวน กระทั่งเกิดการไล่ล่าอย่างดุเด็ดเผ็ดมันกว่า 4 ชั่วโมง และรวบตัวได้ในที่สุด
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อำนวยการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล สั่งการ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผู้กำกับการสืบสวน 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.ทศรัสมิ์ กิติธารา สารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สารวัตร (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวน 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล นำกำลังนักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รุ่นที่ 111 ร่วมกันสืบสวนติดตาม
กระทั่งจับกุมตัว นายทักษิณ หรือตั้ม พันเพียร อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่ จ.409/2566 ลง 10 สิงหาคม 2566 ฐานความผิด “ทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส” พบประวัติต้องโทษเกี่ยวกับยาเสพติด และพกพาอาวุธปืน ตามพฤติกรรมทำตัวเป็นแก๊งทวงหนี้ขาโหดย่านหนองแขม เมื่อช่วงกลางปี 65 สร้างวีรกรรมสุดเหี้ยมลงมือก่อเหตุกระทืบผู้เสียหายยับขณะกำลังจอดรถจักรยานยนต์อยู่ด้วยลูกถีบขาคู่ จนคู่เหยื่อปลิวไปจากรถจักรยานยนต์ก่อนลงไปกลิ้ง 3 ตลบ แล้วปรี่เข้าไปกระทืบซ้ำ ย้ำไปที่ใบหน้าของผู้เสียหายอย่างไร้ความปรานี แม้จะแน่นิ่งไปแล้วก็ตาม ทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บอย่าง “สาหัส” เกือบกลายเป็นผู้พิการไปตลอดชีวิต ซ้ำหลังที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรียกเจ้าตัวมาขึ้นโรงพักทำที “เต๊ะจุ้ย” วาดมาดพร้อมเคลียร์ ยื้อยุทธเล่นแง่ดึงเวลาให้ตายใจก่อนเผ่นหายเข้ากลีบเมฆ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ แต่ขาโหดรายนี้ ไม่วายยังมาวนเวียนให้ผู้เสียหายรู้สึกหวาดผวาอยู่หลายครั้ง ต้องระวังหน้าระวังหลังไม่เป็นอันทำมาหากิน ขอความช่วยเหลือมาที่เพจสืบนครบาล
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ส่งชุด “สืบนครบาล” และนักเรียนหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รุ่น111 ลงพื้นที่สืบสวนทราบถึงพฤติกรรมขาโหดทำทรงเป็นผู้มีอิทธิพล ตั้งแก๊งทวงหนี้โหดละแวก สุขสวัสดิ์-บางมด วางกำลังแฝงตัวซอยสุขสวัสดิ์ 26พบผู้ต้องหาขี่รถมารวมก๊วนกับพลพรรค แต่ขาโหดรายนี้ “ไม่หมู” ไหวตัวควบรถหนีเจ้าหน้าที่ไป การไล่ล่าติดตามเกิดขึ้นอย่างระทึกเมื่อชุดสืบสวนติดตามถึงถนนเจริญกรุง ละแวกสาทร หวังตะครุบกลางสี่แยกไฟแดง ขาโหดไม่ยอมจำนนบิดรถหนีไปได้อย่างหวุดหวิด ก่อนหันมา “แสยะยิ้ม” ให้เจ้าหน้าที่อย่างสุดกวน แม้จะคว้าน้ำเหลวในรอบแรก ซ้ำกระต่ายยังตื่นตูม แต่ไม่อาจสั่นคลอนจิตวิญญาณ “หมาล่าเนื้อ” ของชุดไล่ล่าได้ โดดลงรถกระบะก่อนควบจักรยานยนต์ของเหล่าพลเมืองดีติดตามไปกว่า 4 ชั่วโมงจนเห็นแผ่นหลังคนร้าย ชุดไล่ล่าไม่รอช้าเข้าชาร์จตัวขาโหดรายนี้อย่างสุดระทึก เจ้าตัวพยายามต่อสู้ขัดขืนเจ้าหน้าที่พยายามจะกระโดดลงน้ำเพื่อหลบหนี ท้ายที่สุดสิ้นลายจนมุมบริเว สะพานข้ามคลอง ภายในซอยสุขสวัสดิ์ 26 แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร
ในชั้นจับกุม นายทักษิณ พันเพียรสารภาพตลอดข้อกล่าวหาบอกว่า เคยถูกจำคุกในคดียาเสพติด และคดีพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร เมื่อประมาณปี 2565 มีปากเสียงกับเพื่อนร่วมงานที่ได้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ก่อนลงมือทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมงาน เตะไปที่ใบหน้าของผู้เสียหายเป็นจำนวนหนึ่งครั้ง แล้วกระทืบซ้ำไปจำนวนหลายครั้ง ทำให้ผู้เสียหายล้มลงและสลบไป หลังจากก่อเหตุก็ติดต่อขอเคลียร์กับคู่กรณีหลายครั้ง แต่ตกลงไม่ได้ จึงหลบหนี ยืนยันว่าที่ทำไปไม่ได้เกี่ยวกับแก๊งเงินกู้ หรือการทวงหนี้ ที่หลบหนีไม่ยอมเจ้าหน้าที่ เพราะคิดว่าเป็นเด็กช่าง
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลระบุว่า เราไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของคนร้ายรายนี้ ผู้ต้องหามีประวัติต้องคดียาเสพติดและพกอาวุธปืนไปที่สาธารณะ การลงมือก่อเหตุมีลักษณะของจิตใจที่อำมหิต แ จากการสืบสวนยังพบพฤติกรรมทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเก็บเงินกู้ ซ่องสุมกำลัง ใช้ความรุนแรง เราจะมีการขยายผลไปถึงเครือข่ายเงินกู้เถื่อนพวกนี้จนถึงที่สุด และขอเตือนผู้ที่คิดจะทำธุรกิจสีเทาในลักษณะนี้ว่า จะผู้มีอิธิพลใดๆ เราม่กลัว ตามนโยบาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
