สาวนักตุ๋นบริษัทตัวแสบหนี 6 ปีจนมุมนักสืบเมืองหลวง

 

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก  ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาล IDMB ได้ตรวจพบการกระทำความผิดของ น.ส.ชิชา ถนนจันทน์ แสบหลอกปลอมคุณวุฒิการศึกษาจากมหาลัยย่านบางเขน และโกหกว่าเรียนจบเมลเบิร์น ออสเตรเลียไปสมัครงานในบริษัทใหญ่ ตำแหน่งหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวกับการเงิน ต่อมาได้ลักขโมยทรัพย์สินของบริษัทไปกว่า 6 ล้านบาท สร้างภาพในโลกโซเชียลให้ดูหรูหรา ไฮโซ ใช้ของแบรนด์เนมไปเที่ยวที่ต่างๆ พบมีประวัติหลอกขายของออนไลน์อีก ตรวจสอบไม่เคยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองสักครั้งเลยในชีวิต

ทั้งนี้  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล มอบหมาย พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ รองผู้กำกับการเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รองผู้กำกับการเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล สั่งการ พ.ต.ท.ทศรัสมิ์ กิติธารา สารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ร.ต.อ.ธนพล มโนษร รองสารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล นำกำลังออกสืบสวนติดตามคนร้ายรายดังกล่าว

กระทั่งจับกุม  น.ส.ชิชา ชัยสิทธิ์ อายุ 37 ปี ที่อยู่ 44 ซอยจันทร์ 45 แยก 4 แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ระหว่างหลบหนีหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.782/2559 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2559
ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ทำลายซ่อนเร้นเอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นใรประการที่น่าจะเกิดความเสียแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง, ปลอมตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 266, ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 226 ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ” มากบดานบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 23 ซอยประวิทย์และเพื่อน 4 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์สืบเนื่องมาจากผู้ต้องหาก่อเหตุลักทรัพย์ในขณะที่มีตำแหน่งระดับสูงในบริษัทของผู้เสียหาย มูลค่าความเสียหายกว่า 6 ล้านบาทสืบสวนประวัติย้อนหลังพบว่า ปลอมแปลงเอกสารทางราชการ (คุณวุฒิ) เพื่อนำไปสมัครงานในตำแหน่งที่ดีของหลายๆบริษัทที่ผู้ต้องหาเคยทำงานมา และยังตรวจสอบพบข้อมูลใน blacklistseller ในการหลอกขายสินค้าออนไลน์ หลังจากก่อเหตุก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ของตัวเองจำนวน 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย IG ยังพบมีการแต่งโปรไฟล์อวดอ้างจบจากเมืองนอก เรียนสูง ใช้ของแบรนด์เนม ถ่ายรูปในสถานที่ที่หรูหราเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของตัวเอง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้หาข้อมูลขพบมีการหลบหนีการจับกุมโดยได้มีการย้ายที่อยู่หลายที่มานานกว่า 6 ปี จนทราบเบาะแสไปกบดานอยู่ที่ภายในซอยประวิทย์และเพื่อน 4 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร

เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาลจัดชุดติดตามเฝ้าจนรวบตัวได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 23 ซอยประวิทย์และเพื่อน 4 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร  สอบสวนรับว่า ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร อ้างเขียนงานวิจัยขาย ส่วนเงินที่ได้มาจากการขโมยเอามาแบ่ง 3 คน คนแรก เสียชีวิต คนที่ 2 ตัวผู้ต้องหา คนที่ 3 เป็นพนักงานส่งเอกสาร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปักใจเชื่อแต่อย่างใด
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลกล่าวว่า ภัยในโลกออนไลน์มิจฉาชีพสร้างโปร์ไฟล์หรู จบต่างประเทศใช้แบรนด์เพื่อหลอกลวงประชาชนที่ชื่นชมเล่นโซเชียล ขอให้ระวังจะตกเป็นเหยื่อ สืบนครบาลจัดชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่เป็นภัยต่อสังคม สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกประเภท ที่มีผลกระทบกับการดำเนินชีวิตปกติของประชาชนนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

RELATED ARTICLES