สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และพล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยประชาชน เนื่องจากในช่วงนี้มีคนร้ายแอบอ้างทำเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์ปลอม หลอกผู้เสียหายซ้ำซ้อน อันเป็นเหตุให้มีประชาชนได้รับความเสียหายเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และยังมีคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์พัฒนาวิธีการหลอกรูปแบบใหม่ อ้างโทรมาจากห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำคณะทำงานแถลงข้อมูลเตือนภัยให้ประชาชนรับทราบถึงกลลวงมิจฉาชีพบนโลกไซเบอร์ที่กำลังอาละวาดหนักระบุสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ วันที่ 20 สิงหาคม 2566 ถึง 26 สิงหาคม 2566 รับแจ้งทั้งหมด 3,671 เคส ความเสียหายกว่า 466 ล้านบาท คดีที่มีอัตราเกิดมากที่สุด 5 อันดับแรก อันดับที่ 1 ก็ยังคงเป็น คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ อยู่ที่ 1,781 เคส ยอดความเสียหาย 21,243,102.05 บาท ตามมาด้วยคดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 378 เคส ยอดความเสียหาย 53,691,234.94 บาท คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 342 เคส ยอดความเสียหาย 175,573,367.60 บาท คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 304 เคส ยอดความเสียหาย 13,324,870.00 บาท คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ฯ 270 เคส ยอดความเสียหาย 44,105,474.53 บาท ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี พล.ต.อ.สมพงษ์บอกว่า ในช่วงที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติเริ่มได้รับแจ้งพฤติการณ์ใหม่ที่คนร้ายนำมาใช้ในการหลอกลวงประชาชน ได้แก่ คนร้ายปลอมเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์แล้วหลอกเหยื่อให้โอนเงินเป็นการซ้ำเติมผู้เสียหายและพบมุกใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างว่าโทรติดต่อมาจากห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล เพื่อเป็นการป้องกันและให้ประชาชนได้รับรู้เท่าทันกลโกงของคนร้ายได้มอบหมาย พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นชี้แจงรายละเอียด
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิดอธิบายว่า มีเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์ปลอม คนร้ายโฆษณาผ่านเพจเฟซบุ๊ก ปลอม เมื่อเหยื่อเข้าไปค้นหาหน่วยรับแจ้งความออนไลน์ เพจกลุ่มนี้จะซื้อโฆษณาจากเฟซบุ๊ก ทำเพจขึ้นมาในระบบค้นหาจากเว็บ Search Engines ต่างๆ ทั้ง Google Bing safari เป็นต้น เมื่อเหยื่อหลงเชื่อกดเข้าเว็บไซต์หรือเพจเฟซบุ๊กจะคุยกับระบบ AI และให้เพิ่มเพื่อนไลน์คนร้าย จากนั้นส่งต่อให้คนร้ายที่อ้างตัวเป็นทนายความเพื่อหลอกถามข้อมูล แล้วจะอ้างว่า ได้ทำการตรวจสอบเส้นเงินพบว่าเงินออกนอกประเทศไปแล้ว และคนร้ายใช้บัญชีม้า ทำให้ตามเงินกลับมาไม่ได้ แต่เงินยังฟอกไม่สำเร็จ รู้ว่าเงินเข้าสู่แพลตฟอร์มไหน ก่อนส่งต่อให้คนร้ายที่อ้างตัวว่าเป็นทีม IT สามารถโจมตีแพลตฟอร์มนี้ เพื่อนำเงินคืนมาให้ได้ มีหัวหน้าของคนร้ายที่เป็นเจ้าหน้าที่ IT หลอกล่อขณะนี้เงินของเหยื่อได้เข้าสู่แพลตฟอร์มเว็บพนันออนไลน์จะช่วยโจมตีเว็บไซต์ดังกล่าวให้ แต่เหยื่อต้องสมัครและเล่นในเว็บไซต์พนัน ไม่ได้พามาเล่นการพนันแต่เป็นการพามากู้เงินคืนจากเว็บไซต์ตามโจมตีให้เหยื่อ ทว่ามีข้อแม้ต้องใช้เงินตัวเองยิ่งเติมเยอะยิ่งได้คืนมาก และเร็ว ทำได้แต่บางช่วงเวลาของวันเท่านั้น ไม่งั้นเซิร์ฟเวอร์จะตรวจพบ พร้อมขอหักเงิน 10 เปอร์เซ็นต์เพื่อเป็นค่าทนายจากรายได้ที่ได้จากการโจมตี เหยื่อหลงเชื่อเพราะคิดว่าจะได้เงินคืน สุดท้ายเสียเงินเพิ่ม
ข้อแนะนำ
1. ไม่มีหน่วยงานราชการหน่วยงานใดให้ประชาชนโอนเงินเพื่อเล่นเว็บพนันออนไลน์หรือโอนเงินให้ทำอะไรก็ตาม
เพื่อให้ได้เงินคืน
2. หากต้องการแจ้งความออนไลน์ให้แจ้งความผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com หรือแจ้งความสถานี
ตำรวจท้องที่ได้ทั่วประเทศ
3. หากมีข้อสงสัยต้องการสอบถามหรือขอคำปรึกษาได้ที่สายด่วน 1441 หรือ 191
พล.ต.ต.ชูศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ช่วงนี้มีคนร้ายแก็งคอลเซ็นเตอร์ใช้เบอร์มือถือซิมม้าโทรหาเหยื่อ แจ้งว่ามีคนไข้ถูกส่งมาที่ห้องฉุกเฉิน และมีค่าใช้จ่ายต้องชำระสำหรับการผ่าตัดด่วน เหยื่อปฏิเสธรู้จักบุคคลที่ถูกส่งมาห้องฉุกเฉินดังกล่าว แต่คนร้ายยังคงยืนยันว่าคนไข้ระบุชื่อเหยื่อเป็นเบอร์ติดต่อ หากคนไข้เป็นอะไรไปเหยื่อต้องรับผิดชอบ เหยื่อขอคุยสายกับนายแพทย์เจ้าของคนไข้ แต่คนร้ายไม่ยอมและได้วางสายไป เหยื่อพยายามโทรกลับไปติดต่อแต่โทรกลับไปไม่ได้ มีเสียงแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อเลขหมายดังกล่าวได้ ภายหลังเหยื่อได้นำเบอร์มือถือดังกล่าวมาตรวจสอบกับ Application Whoscall พบว่าเป็นเบอร์ที่ถูกรายงานไว้ว่าเป็นเบอร์คนร้าย
จุดสังเกต
1. คนร้ายใช้ซิมม้าโทรตามแนวชายแดนที่มีสัญญาณผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นการโทรศัพท์จากโรงพยาบาลจริง
2. หมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายโทรหา ไม่สามารถโทรติดต่อกลับไปได้
วิธีป้องกัน
1. ให้สังเกตความผิดปกติของปลายสาย เช่น ถามชื่อ-นามสกุล จริง การใช้ข้อความอัตโนมัติ การโอนสายให้เจ้าหน้าที่ หากมีการ VIDEO CALL ให้สังเกตความผิดปกติของเสียงและท่าทาง (คนร้ายใช้โปรแกรมปลอมใบหน้า)
2. หากคนร้ายอ้างเหตุต่างๆ หรือข่มขู่ให้โอนเงิน ให้โทรศัพท์ตรวจสอบหรือโทรสายด่วนหน่วยงานที่มีการแอบอ้าง ก่อนดำเนินการใดๆ
3. หากมีหมายเลขโทรศัพท์ ที่ไม่ได้บันทึกไว้ในเครื่องโทรหา ไม่ควรรับสายในทันที และให้ตรวจสอบผ่าน
แอปพลิเคชัน Whoscall ว่าเป็นเบอร์คนร้ายหรือเป็นเบอร์ที่ถูกรายงานไว้หรือไม่ว้
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงขอแจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่าปัจจุบันคนร้ายยังคงใช้วิธีการหลอกโดยอาศัยกลโกงเดิมๆ แต่ได้พัฒนาวิธีการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ ดังนั้นเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์ หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1441 กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com