เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2566 ได้เกิดเหตุสะเทือนใจที่นายอัฐวุฒิ ผมเพ็ชร หนุ่มโรงงานในอำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ใช้แอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า online loan Thailand หลอกว่าจะให้กู้เงิน แต่ต้องโอนเงินไปให้ก่อน สุดท้ายไม่ได้รับเงินที่ต้องการขอกู้แต่อย่างใด ทำให้เกิดความเครียดและผูกคอตัวเองเสียชีวิต ภายหลังแก๊งคอลเซนเตอร์ยังได้แชตคุยกับภรรยาผู้ตาย ส่งข้อความมาเย้ยว่า “ถ้าเขาไม่โลภอยากได้เงินคนอื่นเขาก็ไม่เจอเรื่องแบบนี้ค่ะ ไม่โลภก็รอดค่ะ” โ ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้จะใช้วิธีการหลอกลวงผ่านทางสื่อโซเชียลต่างๆให้ผู้เสียหายหลงกลและเข้ามาทำเรื่องขอกู้เงิน แต่ต้องมีการโอนค่าดำเนินการ หรือค่าธรรมเนียมไปให้ก่อน สุดท้ายเมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปให้จะไม่ได้รับเงินที่ขอกู้ ทำให้ได้รับความเสียหาย สถานีตำรวจภูธรแปลงยาว ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาแล้ว 5 คน
ต่อมา พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 นำกำลังขยายผลต่อ ทำให้ทราบว่าเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ มีคนจีนเป็นหัวหน้า มีคนไทยเป็นลูกน้องใช้ประเทศกัมพูชาเป็นฐานตั้งออฟฟิศ อาศัยบัญชีม้าโอนเงินที่หลอกลวงเหยื่อได้เป็นทอด ๆในเวลาอันรวดเร็ว และเอาเงินออกหลายช่องทาง พบผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อไม่น้อยกว่า 40 รายทั่วประเทศ มีการออกหมายจับรวมทั้งหมด 29 หมายจับ ยึดทรัพย์สินเสนอตรวจสอบทรัพย์สินต่อสำนักงานป้องกันปราบปรามการฟอกเงินมูลค่ารวม 2 ล้านบาทเศษ อายัดบัญชีธนาคารของบุคคลที่เกี่ยวข้อง 26 คน ยอดเงินในบัญชีธนาคารที่ถูกอายัดรวมเป็นเงิน 2,018,567.30 บาท จับกุมผู้ต้องหาแล้วรวม 11 ราย จำนวน 21 หมายจับ คงเหลือผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังคงหลบหนีอยู่ 3 คน หนึ่งในผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ คือ นายเว่ย ลินวู ( MR.WEI LINWU ) สัญชาติจีน ตัวการระดับสูงแก๊งคอลเซนเตอร์มีหมายจับ 3 หมายจับ
จากการสืบสวนติดตามมาโดยตลอดของทีมกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ทำให้ทราบว่า นายเว่ย ลินวู จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยผ่านทางสนามบินดอนเมือง นักสืบภูธรภาคตะวันออกได้ประสานด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานกรุงเทพ พร้อมจัดกำลังไปแสดงหมาย นายเว่ย ลินวู ได้สำเร็จ สอบสวนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างไม่มีส่วนรู้เห็น หรือเกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งคอลเซนเตอร์ ประกอบธุรกิจโรงแรมที่ปอยเปต ในประเทศกัมพูชาเท่านั้น