วันที่14พ.ย.66 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง,สั่งการ พ.ต.อ.คงกฤช เลิศสิทธิกุล รักษาราชการแทนผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจทางหลวง, พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปราม ช่วยราชการกองบังคับการทางหลวง, พ.ต.อ.ภคพล สุชล รักษาราชการแทนผู้กำกับการ2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง, พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์ รักษาราชการแทน รองผู้กำกับการ2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง, พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ค้ำคูณ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจทางหลวง6 กองกำกับการ2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง, นำกำลังเข้าจับกุม นายภราดรฯอายุ 46 ปี พร้อมแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์อีก 6 คน โดยแจ้งข้อหา นายภราดรฯ ความผิดฐาน“ช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย” และและแรงงานต่างด้าว ข้อหา“เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” จับกุมได้ที่บริเวณทางหลวงหมายเลข 340 กม.89 – 90 ขาเข้า กรุงเทพมหานคร พื้นที่หมู่1 ตำบลวังน้ำซับ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ต้นทางจาก ตำบลนาโบสถ์ อำเภอวังเจ้า จังหวัดตากเพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยจะใช้เส้นทางผ่าน จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดสุพรรณบุรี กระทั่งพบรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านท้ายเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้สัญญาณเสียง เพื่อให้รถคันดังกล่าวหยุด จากการตรวจสอบพบ นายภราดรฯ แสดงตนเป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว พร้อมแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์อีก 6 คน นั่งอยู่ภายในรถ และไม่มีเอกสารหลักฐานประจำตัว
จากการสอบสวน นายภราดรฯ ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจากชายไทย ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง ผ่านแอปพลิเคชัน zello เพื่อให้เดินทางมารับพร้อมแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา พาไปส่งปลายทางที่กรุงเทพฯ และเมื่อใกล้ถึงปลายทางจะติดต่อมาอีกครั้ง โดยจะได้รับค่าจ้าง 9,000 บาท และทำมาแล้วหลายครั้ง จากการสอบถามบุคคลต่างด้าว ให้การยอมรับว่า พวกตนจะต้องจ่ายเงินค่าเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เป็นจำนวนประมาณ 14,000 – 15,000 บาท โดยได้จ่ายเงินให้นายหน้าชาวเมียนมาร์ ก่อนจะออกเดินทางหลบหนีเข้าประเทศไทย อย่างไรก็ดี จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรศรีประจันต์ เพื่อดำเนินคดี นอกจากนี้ตรวจสอบประวัติพบว่า นายภราดรฯ เคยจับกุมดำเนินคดี ใช้รถแท็กซี่ในการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว หลังพ้นโทษออกมาก็กลับมาก่อเหตุในลักษณะเช่นเดิมอีก