รวบสองผัวเมียแก๊งเรียกค่าไถ่รีดทรัพย์กว่าครึ่งล้าน ล่องหน 11 ปี สุดท้ายจนมุม

เมื่อวันที่ 21 พ.ย.66 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม สั่งการ พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผู้กำกับการ2 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ต.กรพงศ์ วงษาลังการ สารวัตร กองกำกับการ2 กองบังคับการปราบปราม จับกุม นายปิยพงษ์ อริยานนท์ อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลปราจีนบุรี ข้อหา “ร่วมกันทุจริตหรือหลอกลวง โดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ,ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารราชการและร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม” และ น.ส.วิภาวานี แซ่เจ้า อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลอาญา “ร่วมกันฉ้อโกง,ร่วมกันใช้บัตรอิเล็คทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ,ร่วมกันกรรโชกทรัพย์” ได้ที่บริเวณหน้าบ้านพักหลังหนึ่ง ถนนทวารวดีใต้ ตำบลห้วยจรเข้ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหาทั้งสองรายซึ่งเป็นสามีภรรยากันได้ร่วมกับพวกทำทีโทรศัพท์ไปข่มขู่ผู้เสียหายรายหนึ่งอ้างว่าได้จับตัวลูกชายของผู้เสียหายไปเป็นตัวประกัน เนื่องจากลูกชายของผู้เสียหายไปค้ำประกันเงินกู้นอกระบบไว้ หากไม่โอนเงินมาชำระหนี้ จะตัดแขนขาลูกชายแทนการใช้หนี้ ด้วยความเป็นห่วงลูกชาย ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อยอมทำตาม โอนเงินไปให้จำนวน 6 แสนบาท ต่อมาเมื่อผู้เสียหายโทรศัพท์กลับไปหาคนร้าย ปรากฎว่าไม่สามารถติดต่อได้ และเมื่อกลับไปตรวจสอบที่บ้านก็พบว่าลูกชายกลับมาที่บ้านแล้ว และไม่ได้ถูกจับตัวไปแต่อย่างใด จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก ก่อนพากันเข้าแจ้งความไว้ที่ กก.2 บก.ป. จนมีการออกหมายจับพร้อมกับตามจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุได้จำนวน 5 คน ในจำนวนนี้มีนายปิยพงษ์ รวมอยู่ด้วย

คงเหลือเพียง น.ส.วิภาวานี ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนีเพียงรายเดียว จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบว่าปัจจุบันน.ส.วิภาวานี ได้หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จังหวัดนครปฐม จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว อย่างไรก็ตามขณะจับกุมเจ้าหน้าที่พบเห็น นายปิยพงษ์ ที่ได้รับการปล่อยตัวจากคดีดังกล่าวออกมาแล้ว อยู่ในบ้านพัก จึงทำการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนพบว่ามีหมายจับในคดีอื่น ซึ่งเป็นคดีลักษณะเดียวกันข่มขู่เรียกเงินผู้เสียหาย 5 ล้านบาท ในพื้นที่ จังหวัดปราจีนบุรี ติดตัวอีกคดี จึงทำการจับกุมตัวด้วยดังกล่าว สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การปฏิเสธ จึงนำตัว น.ส.วิภาวานี ส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ2 กองบังคับการปราบปราม พร้อมกับนำตัว นายปิยพงษ์ ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองปราจีนบุรี ดำเนินคดีต่อไป

RELATED ARTICLES