สู่เป้าหมายดั่งใจฝัน

มีโอกาสได้อ่านบันทึกของ ร.ต.อ.จิรโชติวัจน์ คล้ายคลึง รองสารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว

นายตำรวจหนุ่มตระกูลมือปราบ เขียนระบายในเฟซบุ๊กตัวเองเมื่อ 5 ปีที่แล้วอยากขออนุญาตนำมาแชร์ความคิดดี ๆ ให้อ่านกัน…

ย้อนไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว สมัยตอนที่ผมเป็นนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ไม่ขอเอ่ยถึงชื่อโรงเรียน หลังจากที่ผิดหวังพลาดพลั้งกับการสอบเตรียมทหารครั้งแรกไม่ติด ความรู้สึกตอนนั้นมันช่างเป็นอะไรที่น่าอับอายเสียจิงๆ เพราะผมบอกกับเพื่อนๆในห้องว่า ผมจะลาออกจากโรงเรียนนั้นแล้วจะไม่กลับมาอีก เพราะผมจะไปเป็นนักเรียนเตรียมทหาร

อาจเพราะด้วยความมั่นใจว่า ตนเองนั้นดีเก่งเลิศเลอที่สุดในห้อง ความหยิ่งทะนงตัว

แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีใครคิดจะสนใจกับคำพูดของผมซะเท่าไร เพราะเพื่อนๆในห้องต่างก็ไม่ได้สนใจที่จะสอบเตรียมทหารกัน

พอประกาศผลสอบออกมา ผมสอบไม่ติด สุดท้ายก็ต้องกลับมาเรียนที่เดิม แต่ครั้งนี้ แตกต่างจากเดิม จากเด็กห้องบ๊วย 3/10 ได้มาเรียนห้องคิง 4/1 แต่ที่กล่าวถึงนี้ไม่ได้จะเบหรืออะไรเรย แต่จะเล่าให้ฟังว่า ผมเจออะไรบ้างกับช่วงเวลาตอนนั้้น สังคมการเรียนของพวกหนอนหนังสือ เด็กห้องคิง ซึ่งผมไม่เคยเจอมาก่อน ไม่เคยสัมผัส เพราะอยู่ห้องบ๊วยมาเสมอ

ผมเป็นเพียงนักเรียนโง่ๆคนนึงที่ฝันอยากจะเป็นนักเรียนเตรียมทหารให้ได้ ตลอดช่วงระยะเวลาที่เรียนชั้น ม.4 วันๆก็ได้เอาแต่นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบเตรียมทหาร

มีเพื่อนบางคน (ย้ำว่าบางคน บางกลุ่ม) ถามผมว่าจะอ่านไปทำไม ? อ่านไปเพื่ออะไร? เธอคิดว่าจะสอบติดหรอ? พร้อมกับเสียงหัวเราะเยาะ ฮ่าๆๆ แกมดูถูก

อาจจะเป็นเพราะว่าเราเป็นเด็กที่มาจากห้องบ๊วย เค้าคงจะดูถูกเราสินะ

แหม… มันจี๊ดใจดำเหลือเกินอยากจะกระโดดถีบให้หน้าหงาย ความรู้สึกตอนนั้้น บอกได้เลยว่าแค้นมาก

ยังไม่จบ….

เป็นอีกวันนึงที่กำลังนั่งเรียนวิชาคณิตศาสตร์ สอนโดยอาจารย์ผู้หญิงท่านนึง ท่านถามคนในห้องว่าอยากไปเป็นอะไรในอนาคต เพื่อนในห้องก็พากันตอบกัน บ้างก็หมอ บ้างก็วิศวะ บ้างก็สถาปนิก เยอะแยะๆ พอมาถึงผม

ผมก็ตอบบ้างว่าผมจะไปเป็นนายร้อยครับ

อาจารย์ท่านนั้นหัวเราะขึ้นมาทันที และบอกกับผมว่า

“หน้าอย่างเธอนี้นะ จะไปเป็นนายร้อยห้อยกระบอง ฮ่าๆๆๆ” พร้อมกับทำท่าทางชี้หน้ามาที่ผมบวกสีหน้าแบบขำๆ เพื่อนทั้งห้องก็ได้แต่หัวเราะกับคำพูดและท่าทางของอาจารย์ท่านนั้น

วินาทีนั้นบอกได้เลยรู้สึกเหมือนตัวตลก

ถูกคนอื่นมองข้ามในความสามารถของเรา

วันนั้นกลับมาพร้อมกับความแค้นรู้สึกท้อใจมาก แต่ก็ไม่รู้จะรู้สึกแบบนั้นไปทำไม ไอ้พวกที่พูดมันก็คงลืมๆมันไป แต่ไอ้เรานี้สิ กลับมานั่งคิดเป็นทุกข์อยู่พักนึง สุดท้ายก็คิดได้ว่า เราจะต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า “กูนี้ล่ะ ทำได้” ได้แต่บอกกับตัวเองว่า กูทำได้ๆ กูทำได้ๆ ซ้ำๆ

นับแต่วันนั้น ผมก็ตั้งใจอ่านหนังสืออ่านหนังสือและก็อ่านหนังสือ ทุกครั้งที่รู้สึกว่า โดนคนอื่นเค้าพูดดูถูก ไอ้เราก็ได้แต่ยิ้มตอบกลับ และนึกในใจว่า “เมิงคอยดูนะ”

เวลาผ่านไปหนึ่งปี สุดท้าย ความฝันก็เป็นจริง ผมสอบติดเตรียมทหาร เหล่า ตร. ได้ลำดับที่ 18 จากคนสองสามหมื่นคนไม่พอ ยังมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งตีพิมพ์ถึงผู้สอบติดทั้งสิบแปดลำดับแรกนั้น และแน่นอนลำดับที่สิบแปด คือ ผมเองพร้อมชื่อสกุลและชื่อโรงเรียน

วันที่ผมสอบติดผมดีใจและนึกถึงคำพูดเหล่านั้น พร้อมความรู้สึกสะใจที่ทำได้

ที่เล่าให้ฟังจนมาถึงตรงนี้ เพื่อที่จะบอกว่าบางทีคำพูดของคนบางคนที่คอยพูดจาดูถูกเรา ไม่เคยจะเห็นความสามารถของตัวเรา อย่าได้แคร์และสนใจ อย่าเอาสิ่งเหล่านั้นมาบั่นทอนความคิดของเรา หากเราจะมองให้มันดี มันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คอยผลักดันให้เราไปสู่จุดหมายได้ง่ายขึ้น

หากเราเลือกจะมองให้มันเป็นทุกข์ เราก็คงจมปลักท้อถอยอยู่แต่สิ่งที่เค้าพูด

ไม่ต่างอะไรจากเหรียญ เหรียญยังมีสองด้าน อยู่ที่ว่าเราจะเลือกจะมองมันด้านไหน อย่ามองด้านที่มันมืด ชีวิตคุณก็มืดตามไปด้วย หากเลือกมองด้านสว่าง แน่นอนแสงสว่างนั้้มันจะส่องสว่างนำทางให้คุณได้ไปสู่เป้าหมายดั่งใจฝัน

ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกินความสามารถของมนุษย์ หากเราตั้งใจที่จะทำด้วยความตั้งใจอย่างถึงที่สุดก่อนจะยอมแพ้ท้อถอย

ลองถามตัวเองดูก่อนว่า คุณเริ่มทำมันแล้วหรือยัง ?

RELATED ARTICLES