“ผู้กำกับใหม่ ผมมั่นใจว่าคงมีผู้ผิดหวังมากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ที่ขอตำแหน่งไป เพราะรู้สึกมันเยอะเหลือเกิน แต่ก็มีไม่น้อยที่ได้สมหวัง” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีพูดถูก
การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจทุกครั้งต้องมีผู้ผิดหวังมากกว่าสมหวัง
เพียงแต่วาทะที่หลุดออกไปส่อเจตนาถึง เด็กเส้นเด็กฝาก ของบรรดานักการเมืองในพรรคค่อนข้างชัดเจน เพราะเป็นการพูดกลางที่ประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทย
โดยเฉพาะคำว่า “ที่ขอตำแหน่งไป”
แม้ภายหลังผู้นำประเทศจะออกมาปฏิเสธกระต่ายขาเดียวไม่มีเอี่ยว “ใบสั่ง” กดดันแทรกแซงก้าวก่ายการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ “ผู้กำกับการ” ถึง “รองผู้บังคับการ” ที่กำลัง “ท้องแก่” ใกล้คลอดตามเงื่อนกำหนดไทม์ไลน์ไม่เกินสิ้นเดือนพฤศจิกายน
หลายครอบครัวกลับมาลุ้นระทึกกับเทศกาล “เก้าอี้ดนตรี” ประจำปี
หลายคนไม่ได้หวงตำแหน่ง แต่กลัวตำแหน่งแย่งเวลาครอบครัวให้พลัดพรากจากลูกเมียไปไกลบ้าน ต้นเหตุของขวัญกำลังใจที่เสื่อมถอย
บางคนนั่งดูคนอื่นเล่นอยู่ข้างสนามมานาน อยากลง “ตัวจริง” ไปวาดลวดลายบ้าง รอเวลาแค่ “ผู้จัดการทีม” คัดเลือกลงสังเวียน เพราะมองว่า ตัวเองมีดีพอกว่าผู้เล่นที่อยู่ในปัจจุบัน
หลงลืมไปว่า การเรื้อสนามไปนาน อาการ “สนิมจับ” อาจทำให้ก้าวขาไม่ออกเหมือนเก่า
มีไม่น้อยวิ่งเข้าหา “ขั้วอำนาจ” ไขว่คว้าควานหา “ตั๋ว” เป็นเครื่องการันตีนำไปสู่ปลายสถานีที่วาดหวังไปนั่งเป็น “นายกอง” ครองตำแหน่งทองไม่สนความถนัดของตัวเอง
บรรยากาศอารมณ์ “ผิดฝา ผิดฝั่ง” เป็น “ปลาผิดน้ำ” กำลังกลับมาอีกครั้ง
นายตำรวจบางคนยังมั่นใจกระบวนการคัดครองสรรหาผู้เล่นในการจัดตัวลงสนามตาม “กฎเหล็ก” ของกฎหมายฉบับใหม่
เชื่อมั่นใน “จุดแข็ง” ที่ปล่อยแสงผลักดันตัวเองขึ้นมาอยู่แถวหน้า
ตั้งแต่ ทำผลงานได้รางวัลดีเด่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติปี 2566 สร้างโปรแกรมสำหรับการทำงานไปใช้ได้จริง ได้รับแรงสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในหน่วยที่เป็นบอร์ดพิจารณาและใช้งานเห็นผลการปฏิบัติมาตลอด
ได้ 2 ขั้น ในปี 2566 ที่ถูกนำมาใช้พิจารณาแต่งตั้งครั้งนี้ด้วย
ตำแหน่งในสังกัดหักสำหรับอาวุโสไปยังพอเหลือโควตาให้ “ชิงเก้าอี้” เนื่องจากหน่วยอื่นมาแย่งไม่ได้
กระนั้นก็ตาม เขายังมี “จุดอ่อน” เป็นรองที่อาจถูก “เจาะยาง” ร่วงตกเวที
ไม่มีตั๋วนักการเมืองสนับสนุน ไม่มีทุนทรัพย์เพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง
และเหตุผลสำคัญสุดตามคำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
ตำแหน่งมีน้อย ตัวเลือกมีเยอะ