“เมล็ดพันธุ์ดี” หว่านลงตรงไหนก็เจริญงอกงาม
แม้ผืนดินที่แห้งแล้ง แค่ “น้ำหยดเดียว” ก็สามารถแผ่กิ่งก้านสาขาเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ได้ไม่ยาก
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลถึงเลือกที่จะหยิบ “เมล็ดพันธุ์ดี” โปรยลงในกองทัพเพื่อขับเคลื่อนหน่วย
บอกด้วยว่า เหมือนได้ม้าดีราคาแสนแพง ถ้าจ๊อกกี้ขี่ไม่เป็นก็ไร้ประโยชน์
เปรียบมีรถแข่งกำลังร้อยแรงม้า หากขับไม่เป็นแล้วจะมีไว้กับตัวทำไม
บ่อยครั้ง พล.ต.ท.ธิติจะเปิดโอกาสให้ลูกน้องแสดงฝีมือ ไม่เอาตัวเองมายืนเสนอหน้าแถลงข่าวคดีสำคัญ
“มันไม่ใช่ผมงานของผม มันเป็นผลงานของผู้ปฏิบัติ”
แม่ทัพเมืองหลวงยกตัวอย่างนายตำรวจ “ฮิปฮอป” มาดเซอร์สวมหมวกไหมพรมที่นายพลผู้นำหน่วยเรียกติดปาก “ถ้าผมยืนเป็นประธานแล้วไอ้สารวัตรฮิปฮอปคนนั้นต้องไปยืนหลังสุด มันใช่หรือ”
เจ้าของนามเรียกขาน น.1 ยอมเปิดไฟเขียวให้ “สารวัตรแจ๊ะ” พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ลุยงานแกะรอยตามล่าคนร้ายตามคำสั่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล
“ผมได้แค่มอนิเตอร์ดูอยู่” พล.ต.ท.ธิติเผยฉากหลังในวันที่นายตำรวจหนุ่มนักสืบไฟแรงกัดไม่ปล่อยก่อนลากตัวมือปืนยิง “ครูเจี๊ยบ” และ “น้องหลอด” นักศึกษาอุเทนถวายที่หนีไปกบดานบนดอยปุย เมืองเชียงใหม่
“ให้ภาพมันเล่าเรื่อง”
พล.ต.ท.ธิติมั่นใจฝีมือการทำงานของลูกน้องที่เก็บรายละเอียดทุกชอตก่อนถ่ายคลิปกระจายต่อสื่อมวลชนถึงผลงานชิ้นโบแดง
คืนความยุติธรรมให้ครอบครัวผู้สูญเสีย
ชื่นชมในความสามารถของ “สารวัตรแจ๊ะ” ศิษย์เอก “ผู้การจ๋อ” ผู้สืบทอดดีเอ็นเอ “หมาล่าเนื้อ”
จากเด็กหนุ่มชาวกรุงบ้านมีฐานะสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 69 เริ่มต้นตำแหน่งรองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลโชคชัย เกือบตัดสินใจลาออกเพราะความ “ติสต์แตก” ของตัวเอง ด้วยความเป็น “เด็กติดเกม”
คิดแค่ว่าครอบครัวพอมีเงิน ไม่จำเป็นต้องมาสมบุกสมบันกับเงินเดือนข้าราชการตำรวจ
กระทั่งมารู้จัก พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ฟูมฟักปลูกฝังจิตวิญญาณนักสืบจนต้องฝากตัวเป็น “ลูกศิษย์เอก” พิชิตคดีสำคัญมากมาย
“ล้มเหลวได้แต่ไม่เลิกจนกว่าคนร้ายจะหนีไปในนรก” นายตำรวจหนุ่มพ่อลูกอ่อนบอก เขาแทบไม่มีเวลาทารกแบเบาะลูกสาววัยแรกเกิด เพราะจดจ่อกับการเกาะติดไล่ล่ามือปืน “แก๊งอาชีวะทมิฬ”
“อนาคตมันต้องเป็นผู้กำกับกองสืบ” พล.ต.ท.ธิติทำนายล่วงหน้า “ถ้าไม่ได้เป็นต้องตอบเหตุผลให้ได้ว่า เพราะอะไร”
เช่นเดียวกับผู้เป็นอาจารย์อย่าง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ที่ต้องเป็นผู้บัญชาการ
ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับเจ้าตัวต้อง “ไม่หลงระเริง”
ต้องรู้จักครองตน ครองคน ครองงาน