พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สั่งการให้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อ่อนตา รอผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 พ.ต.อ.นรวัตน์ คำภิโล รองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4, พ.ต.อ.ศุภกร ธัญกรรม รองผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4, พ.ต.อ.คมสัน มีภักดี ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4พ.ต.ท.ปุรเชษฐ์ รัตนวิจิตร รองผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 สนธิกำลัง นายพงษ์ศักดิ์ ทรัพยาคม ผู้อำนวยการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติภาค 1 นำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 36/2567 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 เข้าตรวจค้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โอเคดี เน็ตเวิร์ค เลขที่ 23/540 หมู่บ้านสินทวีสวนธน 2 (14 แยก 2) ซอยประชาอุทิศ 76 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ประกอบกิจการจำหน่ายอุปกรณอิเล็คทรอนิคส์ เครือข่ายเน็ตเวิร์ค งมีนายพิสิทธิ์ ลิขิตเสถียรกุล อายุ 43 ปี แสดงตัวเป็นผู้ดูแลร้าน เจ้าหน้าที่ได้แสดงตนขอตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบเครื่องวิทยุคมนาคม จำนวน 16 เครื่อง อยู่ในบ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้ขอให้นายพิสิทธิ์ นำหลักฐานการยื่นแบบรับรองตนเองของผู้ประกอบการหรือ SDoc มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้น คุณลักษณะทางเทคนิคไม่เป็นไปตามแบบรับรองตนเองของผู้ประกอบการ อีกทั้งไม่มีใบอนุญาตจึงไม่สามารถนำใบอนุญาตให้ค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้
พล.ต.ต.วิวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลนี กล่าวว่า ตามนโยบายของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังค นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง ที่ให้ความสำคัญกับการปราบปราม และแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมเร่งรัดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทุกภาคส่วนดำเนินการสืบสวนปราบ เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน กระทั่งพบว่าขบวนการคอลเซ็นเตอร์มีการลักลอบใช้สัญญาณผ่านแนวชายแดน และพบว่ามีลูกค้าหลายกลุ่มสั่งเครื่องวิทยุคมนาคม อุปกรณ์ส่งสัญญาณไปไว้ตามแนวชายแดน ซึ่งในส่วนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบและต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ แต่หากตรวจพบว่ามีการนำไปใช้ก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบในวันนี้พบอุปกรณ์ส่งกระจายสัญญาณกว่า 16 เครื่อง โดยแต่ละเครื่องสามารถกระจายสัญญาณได้ไกลถึง 17 ถึง 20 กิโลเมตร และกำลังเป็นที่นิยมของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ตามแนวชายแดนทัังที่มีเสาสัญญาณหรือไม่มีเสาสัญญาณ
จากการตรวจสอบพบว่าอุปกรณ์ที่ตรวจพบมีกำลังส่งเกินกว่าย่านความถี่ที่ใช้งานถ้าหากประชาชนมีความต้องการอยากจะใช้ ต้องซื้ออุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองจากกสทช.เสียก่อน อีกทั้งผู้ประกอบการรายนี้มีการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเข้าข่ายความผิด มี และค้า ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 ประกอบมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พุทธศักราช 2498
