ระเบียบโลกสีกากี

ย้อนความไปถึงปีคริสต์ศักราช 1991 ถือเป็นจุดสิ้นสุด “สงครามเย็น” (สงครามอุดมการณ์ระหว่างค่ายเสรีนิยมที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นหัวโจก กับค่ายสังคมนิยมที่โซเวียตเป็นตัวแสดงหลัก มีลักษณะเป็นสงครามตัวแทน (Proxi War) ที่ใช้ยุทธวิธีการต่อสู้เพื่อครอบงำความคิด สงครามจิตวิทยา การโฆษณาชวนเชื่อ การจารกรรม การชิงดีชิงเด่นกันด้านกีฬาและเทคโนโลยี เช่น การแข่งขันด้านอวกาศ เป็นต้น กินเวลายืดเยื้อยาวนาน ตั้งแต่ปี คริสต์ศักราช1945-1991

เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย พร้อมการสิ้นสุดสงครามเย็น ส่งผลให้สหรัฐอเมริกาผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจโลกเพียงหนึ่งเดียว ( Single Superpower) และเป็นประเทศที่วาง “ระเบียบโลกใหม่” เสมือนผู้คุมระบบระหว่างประเทศ ออกกฎระหว่างประเทศ  4 นโยบายหลัก ได้แก่ ระบบการเมืองแบบเสรีประชาธิปไตย ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม  การค้าเสรี และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่ได้ทดลองใช้กันมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน

การเมืองระหว่างประเทศในระบบโลกล้วนได้รับผลกระทบแตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละประเทศ เกิดการปะทะสังสรรค์ทางวัฒนะธรรม สภาวะการพึ่งพากันอย่างสลับซับซ้อนของตัวแสดงต่างๆในระบบโลก นำมาซึ่งสภาพปัญหาการเมืองระหว่างประเทศที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ขณะที่ยุคปัจจุบันมหาอำนาจเดี่ยวอย่างอเมริกา กำลังถูกท้าทาย โดยมหาอำนาจระดับรองลงมา เช่น จีน รัสเซีย อินเดีย ที่ขยายสรรพกำลังในทุกมิติ  ยึดผลประโยชน์ของชาติตัวเองเป็นหลัก

คริสต์ศักราช 2014  ราชอาณาจักรไทยเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านอำนาจทางการเมือง  กลุ่มคณะทหารเข้ายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพลเรือน แต่งตั้งหัวหน้าคณะเป็น “องค์รัฏฐาธิปัตย์ เปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎหมาย วางระเบียบประเทศใหม่ มองการณ์ไกลไป 20 ปี

ส่งผลให้ระบบการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมของประเทศตกอยู่ “ใต้เงาความคิดแบบทหารนิยม”  ใช้กลไกระบบราชการ (ที่มีทหารเข้าประกบในทุกอณู) เป็นตัวขับเคลื่อนนโยบาย

องค์กรที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการจัดระเบียบประเทศครั้งใหญ่หนีไม่พ้น “องค์กรสีกากี” อันมีวิวัฒนาการมาจาก “พลตระเวนสยาม”  ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ หรืออาวุธหนักของฝ่ายการเมืองมาทุกยุคสมัย จนบางครั้งก็ถูกมองเป็นภัยคุกคาม เสมือน “ม้าพยศสายพันธุ์ดี” ถ้าหากฝ่ายการเมืองคุมไม่อยู่ ก็มีสิทธิที่จะก่อแรงสั่นสะเทือนไปทั้งองคาพยพของรัฐบาล

เมื่อ “ระเบียบใหม่สีกากี” ที่เรียกว่า พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ถูกรังสรรค์โดย “เชฟมือดี” มีบรรดา “ขุนทหาร” คอยกระซิบสูตรลับแห่งความจัดจ้าน เริ่มมีผลผลบังคับใช้ ความปั่นป่วนแห่งราชอาณาจักรไทยจึงบังเกิด  กฎเกณฑ์ต่างๆที่คนเขียนอาจจินตนาการเห็นท้องทุ่งปทุมวัน “สวยงามดุจทุ่งลาเวนเดอร์” แต่กลับกลายเป็นการสร้าง “ปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่”  

ข้อจำกัดในการบริหารงานบุคคล รวมถึงการออกกฎหมายใหม่ๆของ “บรรดาคนดี” มาเพื่อจำกัดอำนาจ “เหล่านักรบสีกากี”

ทุกวันนี้ต้องเฝ้าระวังบรรดาสถานบริการที่เปิดได้ถึงตีสี่ คอยระงับเหตุคนบ้าคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้าที่หาได้เกลื่อนเมือง กัญชาที่มีเต็มหมู่บ้าน และสถานพยาบาลไม่ยอมรับรักษา จ่ายยาแล้วปล่อยกลับบ้าน ไปวัดดวงกับ “จิ๊กโก๋หลวง” ที่มีเพียงอุปกรณ์เป็น “เหล็กง่าม”ลงทุนหาซื้อกันเอง

“นักรบสีกากี” กลายเป็นเพียง “ตำนานปรัมปรา” เมื่อในอดีตพวกเขาเทียบได้กับ “หนุมาน” พญาลิงที่องอาจสามารถหาญกล้า แสดงฤทธิ์เพื่อช่วยเหลือ “เจ้านาย”ได้ดั่งใจฝัน

ปัจจุบันเป็นแค่ “ลิงป่วย” ถูกขังใน “กรงเหล็ก” ปล่อยให้บรรดา “เด็กเกเร” และ “ผู้ใหญ่ใจดำ” คอยหัวเราะเยาะ ขากถุย ปาก้อนหินใส่อย่างไร้ค่า

หลังกาลเวลาเดินมาถึงครึ่งทางของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี  “องค์กรสีกากี” กำลังมุ่งหน้าไปจุดไหน  กำลังเผชิญอยู่กับสิ่งใด และจะก้าวต่อไปอย่างไร

โลกถูกจัดระเบียบใหม่ ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

ตำรวจไทยย่อมไม่เหมือนเดิมเช่นกัน

RELATED ARTICLES