เมื่อวันที่ 9 ก.พ.67 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม สั่งการ พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผู้กำกับการ6กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ท.อนุสรณ์ ทองไสย, พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิยโย, พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์ และ พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รองผู้กำกับการ6กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ต.จอมพฤทธิ์ แก้วเรือง สารวัตรกองกำกับการ6กองบังคับการปราบราม ร.ต.ท.วุฒิพงษ์ สุพรรณชนะบุรี รองสารวัตรกองกำกับการ6กองบังคับการปราบปราม นำกำลังจับกุม นายวินัย ทรงกราน อายุ 32 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 200/2566 ลง 28 มี.ค. 2566 ข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) เพื่อการค้า, ร่วมกันยิงปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” ได้ที่ รีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่ย่านลาดกระบัง กรุงเทพฯ
เนื่องจากเมื่อช่วงเช้ามืด วันที่ 3 ต.ค. 2565 ขณะที่ เจ้าของอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งในพื้นที่ ตำบลราชเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ กำลังนอนหลับพักผ่อน ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยจากรถยนต์คันหนึ่งซึ่งจอดอยู่ภายในลานจอดรถ จึงลงมาตรวจสอบก่อนพบเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งกำลังทุบกระจกรถยนต์และนำสิ่งของลักษณะเป็นถุงกระสอบออกจากรถไปจำนวน 6 กระสอบ ระหว่างนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์เห็นเจ้าของอพาร์ทเมนท์กำลังเดินมา จึงชักอาวุธปืนยิงใส่ แต่กระสุนไม่ถูกใคร ส่วนกลุ่มชายฉกรรจ์อาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีไปในความมืด
เจ้าของอพาร์ทเมนท์ดังกล่าวจึงได้โทรศัพท์ประสานตำรวจมาตรวจสอบ ก่อนพบยาเค จำนวน 2 กระสอบ ตกอยู่ภายในรถ จึงเชื่อว่ากระสอบที่ชายฉกรรจ์มาปล้นเอาไปนั้นเป็นยาเค ทั้งนี้จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า ยาเคที่มีการปล้นเอาไปนั้น มีน้ำหนักรวมถึง 120 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 24 ล้านบาท พนักงานสอบสวน สถานีตำรจภูธรบางแก้ว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรวม 7 คน
สามารถติดตามจับกุมตัวได้ 2 คน ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า นายวินัย ผู้ต้องหารายนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ได้หนีมาเช่าห้องพักรีสอร์ทแห่งหนึ่งย่านลาดกระบังใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวจึงนำกำลังตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว สอบสวน นายวินัย ให้การปฏิเสธ เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว ดำเนินคดีต่อไป
