ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ปัจจุบันสถิติอาชญากรรมที่มีการใช้นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนก่อเหตุอาชญากรรมมีเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก อาทิ เหตุกราดยิงภายในห้างสรรพสินค้า เด็กนักเรียนนักศึกษาต่างสถาบันนำอาวุธปืนไปใช้ยิงคู่อริ เป็นต้น สืบสวนขยายผลจนทราบว่าผู้ก่อเหตุซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเพื่อมาก่อเหตุผ่านช่องทางออนไลน์ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลได้ตระหนักและเน้นย้ำให้กำลังพลในสังกัดเฝ้าสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มเครือข่ายที่ลับลอบจำหน่ายอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนขนาดต่างๆ ทางออนไลน์และช่องทางอื่นให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ส่งชุดลาดตระเวนออนไลน์ กองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลออกแกะรอยสืบสวน
ต่อมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชากาารตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อำนวยการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ. นิวัฒน์ อุทัยศรี รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล มอบหมาย พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รองสารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลตามตัวแก๊งค้ากระสุนปืนอย่างผิดกฎหมาย
ก่อนรวบตัวนายสันติ์ ปานจิตต์แก้ว อายุ 66 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 39 ซอยรามคำแหง 24 แยก 28 (ถนนเสรี 4) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ขณะขับรถกระบะส่วนตัวนำกระสุนปืนขนาดต่างๆ ไปจัดส่งพัสดุให้แก่ลูกค้าที่สั่งซื้อที่บริเวณโกดังจัดส่งพัสดุบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งภายในซอยปรีดีพนมยงค์ 14 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ยึดของกลาง กระสุนปืน.22 จำนวน 3,050 นัด กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 50 นัด กระสุนปืน.45 จำนวน 2,600 นัด กระสุนปืน.22 LR จำนวน 21,150 นัด กระสุนปืนลูกซอง ขนาด 12 จำนวน 1,050 นัด กระสุนปืน .38 จำนวน 1,300 นัด กระสุนปืน 9 มิลลิเมตร จำนวน 1,650 นัด กระสุนปืน .380 จำนวน 800 นัด กระสุนปืน .32 จำนวน 150 นัด รวมจำนวน 31,800 นัด ที่มีการบรรจุพัสดุจ่าหน้าซองผู้ส่ง – ผู้รับ เรียบร้อยเพื่อเตรียมจัดส่งให้แก่ลูกค้า นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นภายในรถกระบะที่ผู้ต้องหาขับมาส่งพัสดุพบ กระสุนปืน.45 จำนวน 2,500 นัด บรรจุอยู่ในกล่องห่อด้วยกระดาษที่น้ำตาลอำพราง
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปขยายผลตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 125 ซอยเจริญใจ ถนนเอกมัย แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ยึดกระสุนปืน.22 LR จำนวน 21,150 นัด กระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 1,050 นัด กระสุนปืน .45 จำนวน 100 นัด กระสุนปืน .38 จำนวน 1,300 นัด กระสุนปืน 9 มิลลิเมตรจำนวน 1,650 นัด กระสุนปืน .380 จำนวน 800 นัด กระสุนปืน.32 จำนวน 150 นัด และกล่องพัสดุเปล่าสำหรับเตรียมบรรจุจัดส่งพัสดุ และอุปกรณ์สำหรับแพ็กส่งพัสดุ สอบสวนให้การภาคเสธอ้างว่า เดิมทีเปิดบริษัทเกี่ยวกับขายวัสดุก่อสร้าง ต่อมาประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ มีเพื่อนแนะนำให้เข้าไปทำงานเป็นเซลล์ในบริษัทจำหน่ายกระสุนรายหนึ่งจนมีความรู้ ทำได้ประมาณ 1 ปี ลาออก เนื่องจากมีฐานลูกค้าและได้รู้จักกับคนในวงการพอสมควร สามารถติดต่อสั่งซื้อกระสุนปืนขนาดต่างๆ จากตลาดมืดนำมาส่งขายให้แก่ลูกค้าต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ทำมาแล้วประมาณ 6 – 7 เดือน มีลูกค้าสั่งวันละกว่า 10 ราย ราคากระสุนขายบวกกำไรกว่าราคากระสุนที่ขายตามสนามยิงปืน และร้านปืนกว่า 1 เท่าตัว มีรายได้ต่อเดือนกว่าเดือนละ 100,000 บาท
