ครบ 8 ปี อยากถามว่าวันนี้ “ไอ้โม่ง” อยู่ไหน

ร่องรอยชะตากรรมของความอำมหิตที่เกิดจากความวิปริตในการแต่งตั้งโยกย้ายจางหาย “ไร้เงา” ผู้อยู่เบื้องหลัง

ไอ้โม่ง”ที่คลุมโปงอยู่ในห้องแอร์นั่งแช่ขวดไวน์ “ใจดำ” ปล่อยให้นักรบสมรภูมิใต้กลับไปตายอย่างเลือดเย็น

8 ปีแล้วครอบครัว “ภูวพงษ์พิทักษ์” ไม่เคยลืมความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของเสาหลักประจำบ้านที่กลายเป็นฉากตำนานยิ่งกว่า ละครน้ำเน่า เรียกน้ำตาผู้ชมทั่วประเทศ สั่นสะเทือนไปทั้งวงการสีกากี

ผ่านไม่กี่ปี พวกเขาโดนทอดทิ้งอย่างเดียวดาย

ย้อยกลับไป วันที่ 12 มีนาคม 2553 เป็นวันที่สร้าง “วีรบุรุษสมรภูมิด้ามขวาน” อย่าง พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา จังหวัดยะลา

วีรบุรุษไร้ลมหายใจที่ไม่มีใครในครอบครัวต้องการยอมรับ  แม้จะเป็นความภาคภูมิใจในการเสียสละชีพเพื่อชาติ

เขาเป็นนายตำรวจที่มุ่งมั่นทำงานแบบกล้าหาญไม่เกรงกลัวภยันอันตรายนำลูกน้องปะทะกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่บันนังสตามานาน กระทั่งถูก “ตั้งค่าหัว” จากบรรดาโจรแบ่งแยกดินแดง

โดนลอบสังหารหลายครั้ง ล่าสุดก่อนสิ้นชีพเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 คนร้ายวางแผนระเบิดถล่มทหารกับตำรวจในพื้นที่ 2 ลูกซ้อน ล่อให้ นายตำรวจนักรบขาเหล็ก ไปตรวจที่เกิดเหตุก่อนกดชนวนบึม

เฉียดตายครั้งนั้น เจ้าตัวถึงกับนอตหลุดระบายความอัดอั้นผ่านสื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ-สารวัตร

“อีกปีเดียวผมจะเกษียณอายุราชการแล้ว ได้ไปขอความเมตตาจากผู้บังคับบัญชาขอย้ายออกนอกพื้นที่ เพื่อเตรียมเกษียณอายุราชการ และเป็นของขวัญให้กับภรรยา เพราะรับราชการวนเวียนอยู่ในบันนังสตา ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่ม” เขาให้เหตุผล

 “รบกับกลุ่มคนร้ายมาเกือบร้อยครั้ง บาดเจ็บแทบเสียชีวิตก็หลายหน คนร้ายเสียชีวิตเพราะต่อสู้กับผมก็หลายคน โล่ และหนังสือชมเชยมีจะเต็มบ้าน แต่พอถึงคำสั่งออก กลับไม่มีชื่อผู้บังคับบัญชาผมบอก เพียรเอ๊ย ทำให้เต็มที่แล้ว แต่ยังมีนายต้องการเงินอีก ผมน้อยใจมาก ยิ่งหลังเกิดเหตุ แทบจะยกเอาโล่ เอาคำชมเชยทั้งหมดมาเผาหน้าโรงพัก เพราะน้อยใจ เข้าใจว่า นายอยากจะทำเรื่องพระราชทานยศ พล.ต.อ.ให้ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรบันนังสตาครวญ

เขาไม่ได้กลัวตาย แค่อยากใช้ชีวิตบั้นปลายก่อนเกษียณกับครอบครัว  

หลังจากนั้นตัดสินใจหอบผลงานที่ทำมาเกือบตลอดชีวิตราชการตำรวจเข้ากรุงมุ่งหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น

ทว่าผู้นำประเทศกลับส่งแค่ตัวแทนมารับเรื่อง

ผู้กำกับเดนตายทำได้เพียงวอนผ่านสื่อทั้งน้ำตา

“ทำงานในชายแดนภาคใต้มากว่า 40 ปี เหลืออายุราชการอีกแค่ปีกว่าจะเกษียณ เมื่อถึงช่วงปลายชีวิตราชการน่าจะได้ไปพักผ่อนในสถานที่สบาย ๆ จึงขอให้พิจารณาโยกย้ายไปเป็น ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกันตรัง จังหวัดตรัง แทนตำแหน่งเดิมที่ว่างอยู่ โดยทำหนังสือขอสมัครใจย้ายไปยังที่ดังกล่าวกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ10) ซึ่ง พล.ต.อ.อดุลย์ก็รับปากจะดำเนินการให้” พ.ต.อ.สมเพียรระบาย

“ตอนแรกโผโยกย้ายที่ออกมาในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ก็มีชื่อไปเป็นผกก.กันตรังจริง แต่เมื่อคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายออกมา กลับให้อยู่ในตำแหน่งเดิม ทั้งที่ผมทำงานในภาคใต้มายาวนาน เคยปะทะผู้ร้ายเกือบ 100 ครั้ง บาดเจ็บ 8-9 ครั้ง วิสามัญผู้ร้าย 22 คน คิดว่าผลงานขนาดนี้ เมื่อถึงเวลาจะได้อะไรตอบแทน แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย ที่ใครหลายคนบอกว่า แย่ที่สุดในชีวิต เนื่องจากมีการข้ามอาวุโส และเล่นพรรคเล่นพวกจำนวนมาก นายตำรวจในพื้นที่หลายคนก็ไม่พอใจ แต่ไม่กล้าออกมาพูดอย่างผม เพราะยังเหลือราชการอีกหลายปี ต่างจากผมที่เหลือใกล้เกษียณเต็มที”

เขาสาธยายยาวเยียด

 “คิดว่าผลงานขนาดนี้ เมื่อถึงเวลาจะได้อะไรตอบแทน แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย ที่ใครหลายคนบอกว่า แย่ที่สุดในชีวิต เนื่องจากมีการข้ามอาวุโส และเล่นพรรคเล่นพวกจำนวนมาก” เป็นปากคำจากนักรบผู้วายชนม์เมื่อ 8 ปีก่อน

“ที่ผมออกมาเรียกร้องครั้งนี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าตำรวจในภาคใต้ทำงานอย่างไร ไม่ได้เรียกร้องหาความเป็นธรรมใด ๆ เพราะมีคนเคยพูดว่า ตำรวจเลือกที่กับเลือกนายไม่ได้ อย่างไรก็ตาม อยากให้นายกฯเข้ามาสะสางปัญหาการจัดทำโผโยกย้ายในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ด้วย อย่าเอาใจใส่แต่ตำรวจในส่วนกลางเพียงอย่างเดียว เพราะขณะนี้ ตำรวจในพื้นที่รู้สึกเป็นลูกเมียน้อยกันหมดแล้ว มีแต่เด็กนายเท่านั้นที่ได้ดี ส่วนจะเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใหญ่หรือไม่ ผมไม่ทราบ”

ที่ไปร้องเรียนถึงใจกลางเมืองหลวง เขาย้ำด้วยว่า ไม่ได้โวยวายเพื่อให้ตัวเองได้ดิบได้ดี แต่อยากให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงรับรู้ว่า พวกเราทำงานกันอย่างไร ทำงานท่ามกลางความขาดแคลน แต่ไม่เคยเอาอุปสรรคไปอ้างเพื่อสร้างปัญหา ไม่ได้ไปเพราะความผิดหวังที่ไม่ได้โยกย้ายไปที่อื่น

“มันถึงเวลาแล้วที่ผมเหลืออีกปีกว่า ต้องมาพูดคุยกัน พูดความจริงว่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดอะไรขึ้น” นับรบแห่งเทือกเขาบูโดสะท้อนความจริง

ความจริงที่ถูกทิ้งให้ตายอย่างเลือดเย็น

 

RELATED ARTICLES