ตำรวจภาค 8 ลุยจัดระเบียบชาวรัสเซียทำธุรกิจละเมิดกฎหมาย

 

ตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งรัด พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญาการตำรวจภูธรภาค 8 ควบคุมกำกับดูแลให้ พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตั้งชุดปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดของคนต่างด้าว มีพล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 จัดกำลังสนับสนุนในการปฏิบัติ

ตรวจหาชาวต่างชาติเข้ามาในราชอาณาจักรเปลี่ยนสถานะจากนักท่องเที่ยวเป็นผู้ประกอบธุรกิจและประกอบอาชีพ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายบัญญัติไว้ตาม พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พุทธศัราชการ 2542 และ พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พุทธศักราช 2551 รวมะึงชาวต่างชาติที่ถือหุ้น อันเป็นทุนจดทะเบียนของนิติบุคคลจดทะเบียนในประเทศไทย ทำให้ทุนต่างชาติจำนวนมากอำพรางตนเข้ามาประกอบธุรกิจในฐานะนิติบุคคลไทย ด้วยการถือหุ้นทางอ้อมอย่างผิดกฎหมาย ด้วยการถือหุ้นผ่านบุคคลหรือนิติบุคคลไทยเป็นมอมินี

ทั้งนี้ พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พุทธศักราช 2542 บัญชีท้ายห้ามคนต่างด้าวประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความมั่นคงของประเทศ ธุรกิจที่มีผลกระทบต่อศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี หัตถกรรมพื้นบ้าน หรือธุรกิจที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และด้วยเหตุผลพิเศษ การตรวจสอบยังพบว่าชาวต่างชาติ ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างๆ เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล อันเป็นการเป็นผ่าฝืน พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พุทธซักราช 2561ที่บัญญัติ การซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน สินทรัพย์ดิจิทัลต้องได้รับอนุญาตจาก คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพราะจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน ระบบเศรษฐกิจของประเทศ และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง ต้องป้องกันไม่ให้มีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีแหล่งที่มาชัดเจนไปใช้ประโยชน์หรือกระทำการหลอกลวงประชาชนหรือประกอบอาชญากรรม ผู้กระทำต้องขออนุญาตต่อ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เป็นกลไกการดูแลรักษาเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจ เพื่อกำกับดูแลการระดมทุนต่อประชาชนผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัล

จากการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานทั้งชาวไทยและต่างประเทศร่วมกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พุทธศักราช 2542 ด้วยการถือหุ้นทางอ้อม อย่างผิดกฎหมาย ด้วยการถือหุ้นผ่านบุคคลหรือนิติบุคคลไทย ประกอบ พระราชบัญญัคิการทำงานของคนต่างด้าว พุทธศักราช 2551 นำไปสู่การขอออกหมายตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาในพื้นที่จังหวัด ตามข้อสั่งการของ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช รองผู้บัญชากาารตำรวจภูธรภาค8  พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.นภันวุฒิ เลี่ยมสงวน ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 จัด 6 ชุดปฏิบัติการบูรณาการกำลังร่วมกับฝ่ายปกครอง พานิชย์จังหวัดภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว และตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ตเข้าตรวจค้น  5 เป้าหมาย เพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ทรัพย์ของกลาง และพบพยานหลักฐานอื่นอันนำไปสู่การสอบสวนขยายผล

จากการสืบสวนบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยลักลอบประกอบอาชีพ หรือประกอบธุรกิจอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย พบพยานหลักฐานและข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ร้านอาหาร OCTOPUS เป็นที่นัดรวมชาวต่างชาติเป็นประจำ มีการกระทำอันฝ่าฝืนกฎหมาย  กลุ่มบุคคลด้าว ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักร ดำเนินการประกอบธุรกิจในประเทศไทย  มีคนไทยให้การช่วยเหลือ สนับสนุน ทำการจดทะเบียนเพื่อจัดตั้งบริษัทฯ กระทำการเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนของคนต่างด้าว หรือที่เรียกว่า “นอมินี” มีบริษัท วีวีจี อะไลอันซ์ จำกัด ผู้ต้องหา ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มใช้ชื่อร้านว่า “OCTOPUS” ตั้งอยู่ เลขที่ 153/2 ถนนบ้านดอน-เชิงทะเล ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต มี น.ส.ปุณยนุช ทองกอบ สัญชาติไทย เป็นผู้ต้องหา และนายวาลาดิสลาฟ ชินาคอฟ สัญชาติรัสเชียทำหน้าที่กรรมการผู้มีอำนาจ  มีผู้ถือหุ้น ประกอบด้วย น.ส.ปุณยนุช ทองกอบ นายวาลาดิสลาฟ ชินาคอฟ นายวาเลรี โวลโคเดฟ นายพาเวล ชาโปวาลอฟ ทำหน้าที่ในการบริหาร ดูแลทางด้านการเงิน แล

นายวาลาดิสลาฟ ชินาคอฟ เป็นเจ้าของร้าน OCTOPUS ที่แท้จริง พยานหลักฐานเชื่อมโยง ยังปรากฎ น.ส.ปุณยนุช ทองกอบ ผู้เป็นกรรมการผู้มีอำนาจและหุ้นส่วนใหญ่คือ นอมินีของกลุ่มทุนต่างชาติ มิได้มีอำนาจในบริษัทแต่อย่างใด พยานหลักฐานด้านการเงินแสดงให้เห็นว่า บัญชีเงินฝากจากสถาบันการเดินของทางร้าน OCTOPUS โอนต่อไปบัญชีเงินฝาก นายวาลาดิลาฟ ชินาคอฟ ชี้ให้เห็นว่าคือ เจ้าของร้านและเป็นเจ้าของ บริษัท วีวีจี อะไลอันซ์ จำกัด อย่างแท้จริง มีเงินหมุนเวียนจำนวน 80 ล้านบาท หลังการตรวจค้นทั้ง 5 จุด ยังพบทรัพย์ของกลาง พยานเอกสารของกลางที่ต้องพิจารณาเพื่อขยายผลในการสืบสวนสอบสวนต่อไป เชื่อว่ายังไปเชื่อมโยงกับบุคคลอื่นจำนวนหนึ่ง
ตำรวจภูธรภาค 8 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 8 และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน เกี่ยวกับบริษัทต่างๆ จดทะเบียนบริษัท แล้วประกอบธุรกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตหรือในราชอาณาจักรให้หยุดการกระทำในลักษณะดังกล่าวด้วย

RELATED ARTICLES