“ผมไม่ใช่อยากเด่นอยากดัง  มันเป็นหน้าที่”

 

ขึ้นชื่อเป็นมือสืบสวนสอบสวนระดับอาจารย์คนหนึ่งของกรมปทุมวัน

พล.ต.ต.รังสรรค์ ชำนาญหมอ ลูกหม้อคนปากน้ำโพเติบโตบนเส้นทางผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไม่ห่างบ้านเกิดอำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ เป็นลูกชาวไร่ชาวนาเรียนจบมัธยม 6 โรงเรียนในอำเภอแล้วไปต่อมัธยม 7 โรงเรียนพิบูลย์วิทยาลัย ลพบุรี หัวดีจนสอบเทียบมัธยม 8 พาเพื่อนอีก 4 คนสอบนายร้อยตำรวจแต่ตกขบวนกันถ้วนหน้า

ปีนั้นเลยไปเข้าเรียนคณะบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง เพราะครอบครัวมองว่ามีญาติผู้พี่ทำงานบริษัทจบออกมาน่าจะช่วยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงได้บ้าง

ปรากฏว่า อีกปีถัดมาเขาลองไปสอบนายร้อยตำรวจอีกครั้งคราวนี้ติดอยู่รุ่น 17 ร่วมรุ่นตำรวจคนดังอาทิ พล.ต.อ.วีระ วิสุทธิกุล พล.ต.ท.เจษฎางค์ พรหมสาขา ณ สกลนคร พล.ต.ต.มงคล กมลบุตร พล.ต.ต.ล้วน ปานรศทิพ พล.ต.ต.คงเดช ชูศรี พล.ต.ต.นุกูล โสมทัต พล.ต.ต.เฉลิมชาติ สิตานนท์ และพล.ต.ต.พาสน์ จักษุรักษ์ เป็นต้น

เริ่มต้นฝึกงานอยู่โรงพักนางเลิ้ง และสำเหร่ พอบรรจุจริงไปลงโรงพักเมืองอุตรดิตถ์ทำหน้าที่สอบสวน ก่อนขยับขึ้นลำพูน พล.ต.ต.รังสรรค์ลำดับเส้นทางชีวิตผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ว่า ไม่นานก็ถูกย้ายเข้าโรงเรียนพลตำรวจ จอหอ นครราชสีมา เพราะสมัยก่อนเขาจะคัดนายร้อยตำรวจที่เรียนดี ความประพฤติดี แต่ไม่มีเส้น เอาไปปกครองเป็นผู้บังคับบัญชานักเรียนพลตำรวจ ต้องอยู่นานถึง 3 ปีตามหลักเกณฑ์ที่เขากำหนด

หลุดพ้นออกมาได้ พล.ต.ต.รังสรรค์บอกว่า ไปลงเป็นผู้หมวดหัวหน้าโรงพักปากน้ำโพ ตำแหน่งสำคัญของจังหวัดเหมือนกันในสมัยนั้น เพราะคุมเขตเทศบาลเมืองทั้งหมด แต่ไม่มีอำนาจสอบสวนจับแล้วต้องส่งให้กองเมืองอีกที ทำหน้างานดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ดูด้านสืบสวนปราบปรามตั้งแต่นั้นมา ได้โอกาสร่วมทำคดีใหญ่หลายคดี โดยเฉพาะคดีเสือแมนกับพวกจับคหบดีในนครสวรรค์ไปเรียกค่าไถ่ โดดลงไปร่วมทำสำนวนสืบสวนสอบสวนกับเขาจนผู้ต้องหาติดคุกติดตารางไปหลายคน  “บางคนน่าสงสารนะ เพราะติดสอยห้อยตามเข้าไปทำงาน เช่น พวกกุมารจีนอยากดังชอบคบนักเลง บางคนเรียนกฎหมายจบอนุปริญญา เวลาสอบคำให้การแล้วน่าสงสารเพราะร่วมไปกับเขาด้วย”

ผู้หมวดรังสรรค์อยู่ปากน้ำโพครบเกณฑ์ก็ได้ขยับเป็นผู้กองโรงพักพยุหะคีรีที่ยังกันดารไม่เจริญเหมือนสมัยนี้ ต่อมา มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องไม่ค่อยเรียบร้อยทางภาคตะวันออก มีการขนของเถื่อน พวกน้ำตาลผ่านไปทางนั้นมาก เขาจึงได้รับการคัดเลือกไปอยู่อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด  เพื่อไปดูแลป้องกันในเรื่องดังกล่าว ไปอยู่ได้ปีเดียว ขอวิ่งกลับมา ทั้งที่ใคร ๆ ก็อยากอยู่พื้นที่ภูธรภาค 2 “ผมไม่อยากอยู่ เพราะเราไปเหมือนเป็นคนใหม่ของเขา ไม่ใช่นายตำรวจในสังกัดภาคเขามาก่อน นายไม่รู้จัก ผมก็ไม่รู้จักนาย ผมไม่คุ้นเคยคน โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชา มีนายบางคนมาโรงพักจะบอกเป็นนายเราหน่อยก็ไมได้ อยู่ ๆ แต่งนอกเครื่องแบบมานั่งหน้าเรา เราก็งงว่า มึงเป็นใครวะ มาทำไม จะเอาอะไร แบบนี้ผมจะไปเจริญอะไร เลยขอกลับลงนครสวรรค์อำเภอไหนก็ได้” พล.ต.ต.รังสรรค์บอก

เอาเข้าจริงกลับย้ายลงอำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก วนเวียนอยู่ตากนานจนเป็นผู้กำกับจังหวัดพิจิตร และจังหวัดอุตรดิตถ์ ไปขึ้นรองผู้บังคับการภูธรเขต 8 พิษณุโลก แล้วขยับมาอยู่เขต 9 คุมถิ่นเกิดนครสวรรค์ เปิดแฟ้มสำคัญในคดีลอบสังหารประมาณ ชันซื่อ ประธานศาลฎีกา เจ้าตัวเผยถึงเบื้องหลังว่า เริ่มต้นจากลูกน้องเป็นนายตำรวจอยู่ลาดยาวได้ข่าวมีมือปืนที่ลาดยาวถูกชักชวนให้ไปทำงานเกี่ยวกับลอบสังหารประธานศาลฎีกา มันเลยมาบอกตำรวจนายนี้ “บังเอิญพ่อเขาคุ้นเคยกับผม นายตำรวจเด็กคนนี้ก็มาบอกต่อ อาจเห็นว่า คุ้นเคยกับพ่อ และเห็นล้วน ปานรศทิพ เพื่อนผมเป็นผู้การกองปราบด้วย ไม่รู้จักบอกใครงานระดับนี้ต้องกองปราบ ใหญ่เกินกว่าพวกเราจะไปทำ ผมเลยติดต่อกับล้วนบอกมีเรื่องแบบนี้นะ สนใจหรือเปล่า ถ้าสนใจจะส่งไปพบ ไปสอบถามรายละเอียดเอาเอง ก่อนเขียนหนังสือให้ไปพบ”

“ ผมคุยกับล้วน ได้ความว่า ถ้าไม่เชื่อลองพาไปคุยกับประมาณเขาดู ถ้าเขาเชื่อก็เอาเลย ทำก็ทำ ผมก็สองจิตสองใจตอนแรก ผมเชื่อนะ แต่ผมไม่รู้ว่าล้วนจะเชื่อหรือเปล่า ให้ล้วนตัดสินใจเอง ในที่สุดก็ทำ ผมก็เข้าไปอยู่ในทีมสอบสวนด้วย สำนวนหนามาก มีผู้ต้องหาหลายคน พยานก็มาก รายละเอียดในสำนวนเยอะมาก ทนายจำเลยมี 4 คน ผมต้องไปทำการบ้าน อยากจะบอกว่า การขึ้นพยานศาลเหมือนสอบไล่ เราต้องดูหนังสือ ต้องทำการบ้าน” อดีตตำรวจชั้นครูบอกแนวการทำงาน

คดีนี้ มีปิยะณัฐ วัชราภรณ์ เป็นทีมทนายความและพยายามจะมาล็อบบี้ทีมพนักงานสอบสวน “เขามาหาที่บ้านพูดทำนองให้เบาไม้เบามือหน่อย ผมบอกว่า จะทำในสิ่งที่ทำได้ก็แล้วกัน ผมจะเข้าตัวหากให้การที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงในสำนวน พยายามมาล็อบบี้ผม ในวันให้การผมก็ไปบอกกับปิยะณัฐว่า อย่าถามผมมาก เพราะคุณจะไม่ได้อะไรจากผมเลย บางคำถามเท่ากับคุณบังคับให้ผมพูด มันอาจจะเป็นผลเสียต่อลูกความคุณเอง ถ้าจะเอาประโยชน์จากสำนวนไปถามจากพยานอื่นที่ไม่ใช่ตำรวจดีกว่า คุณจะไม่ได้อะไร สุดท้ายก็ไม่เชื่อผม มีบางคำถามที่ต้องให้เราตอบ ผมบอกกลับไปเลยว่า คุณถามผมทำไม ผมสนุกนะ พวกเขาสู้ผมไม่ได้”มือสอบสวนคดีประวัติศาสตร์ย้อนรอยอดีต

นั่งเป็นรองผู้บังคับการเขตจนอาวุโสระดับ 1 จ่อติวเป็นผู้การภูธรเขต กรมตำรวจเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ทำให้เขาต้องเป็นหัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร และผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 6 จนเกษียณอายุราชการทิ้งผลงานโบแดงเป็นตำนานเล่าขานแก่ตำรวจยุคหลังถึง 2 คดีดังระดับประเทศ

เขาบอกว่า ตอนเป็นหัวหน้าตำรวจกำแพงเพชร เกิดคดีสะเทือนขวัญนายสมา หลิมบุญเจียม นักธุรกิจที่ดิน บ้านจัดสรร และค้าวัสดุก่อสร้าง ถูกคนร้ายฆ่าแล้วเผายกครัวรวม 5 ศพ ไม่เว้นแม้แต่เด็กไร้เดียงสาวัยเพียง 3 ขวบ หลังจากเหยื่อพาครอบครัวมาติดต่อซื้อที่ดินตำบลปรางมะค่า อำเภอขาณุวรลักษบุรี ก่อนหอบเงินเกือบ 5 แสนบาทชำระค่าที่ดินงวดสุดท้ายแล้วหายตัวไป กระทั่งมีผู้พบศพเหยื่อตระกูลหลิมบุญเจียมถูกฆ่าเผาอย่างโหดเหี้ยมกลางไร่บ้านโป่งขาม ตำบลบ่อถ้ำ อำเภอขาณุวรลักษบุรี หลังทั้งครอบครัวหายตัวไปนานเกือบสัปดาห์

นายพลอดีตมือสืบสวนสามารถติดตามรวบตัวฆาตกรหมดยกแก๊ง เขาเล่าว่า สมัยก่อนวิทยาการเทคโนโลยีไม่มี ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ หาสิ่งเล็ก ๆ น้อยในสถานที่เกิดเหตุ คดีนี้เปิดด้วยตัวเลขแค่ 6 ตัว หลังไปตรวจที่เกิดเหตุ คนร้ายเขียนตัวเลข 6 ตัวไว้บนขื่อลอดใต้ถุนบ้านเป็นหมายเลขโทรศัพท์ 6 ตัว เช็กแล้วเป็นของเบอร์ ๆ หนึ่งที่อยู่ในเขตอำเภอเมือง เราเริ่มต้นจากตรงนั้นว่า มันคือใคร เกี่ยวข้องในเรื่องนี้อย่างไร สืบไปสืบมาปรากฏว่า เจ้าของหมายเลขโทรศัพท์นี้มีญาติพี่น้องไปหากินอยู่ปรางมะค่า ก็เลยแกะรอยจับกุมยกแก๊ง

“คดีนี้จับได้หมด ใช้คนเยอะ ใช้เงินเยอะ ไม่มีตังค์ให้ไป มันไม่ไปหรอก ผมทำคดีนี้ ผู้ว่าฯศิวะ แสงมณี ชอบมาให้เงินมาเป็นแสนช่วยในการสืบสวน ผู้ต้องหาถูกตัดสินประหารชีวิต รับสารภาพเหลือตลอดชีวิต มันเป็นคดีที่ถือว่า ประทับใจ ทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อยด้วยความยากลำบากใช้ปฏิภาณไหวพริบ ใช้ตำรวจหลายจังหวัด ลูกน้องเก่าหลายคนขอตัวมาช่วยงาน ต้องเลือกคนที่ไว้ใจและเอางานเอาการจริง มีการสัมมนาระดับผู้บังคับการที่พัทยา ชลบุรี ผมยังไม่ไปให้รองผู้การไปแทน อธิบดีพจน์ บุณยะจินดาถามเหตุผล ผมบอกกำลังทำคดีนี้อยู่ ตอนหลังอธิบดีมาพูดในที่ประชุมว่า การทำงานของผมเป็นแบบอย่างของการทำงานสืบสวนสมัยใหม่ มีการสนธิกำลังของหลายหน่วยงานมาร่วมเพื่อให้งานสำเร็จ” อดีตนักสืบภูธรมากประสบการณ์แจงรายละเอียด

“แต่เบื้องหลังคดีนี้ก็เกิดความไม่พอใจแก่ตำรวจบางหน่วยเหมือนกัน” พล.ต.ต.รังสรรค์เผย

นายพลวัยเกษียณเล่าว่า ตำรวจหน่วยที่ว่า ส่งคนมาทำโดยไม่ได้แจ้งมาก่อน พอมาแล้วเกิดความเสียหาย จุดที่เราวางคนไว้จู่ ๆ เขาก็เข้าพรวดพราดเข้าไปมันก็แตก กว่าเราจะรู้ไปสืบหาใหม่มันเสียเวลา พอเราไปล็อกตัวผู้ต้องสงสัย ทางนั้นก็โทรศัพท์เป็นค่อนชั่วโมงจะให้เอาตัวเข้าหน่วยตัวเองให้ได้ จนมาถึงตอนบรรยายสรุปคดีต่อหน้าอธิบดีกรมตำรวจ มีผู้ต้องสงสัยอีกคนที่รายละเอียดจำไม่ได้ชัดเจน รู้แค่ชื่อเล่น ตำรวจระดับสารวัตรของหน่วยนั้นดันพูดในที่ประชุมคล้ายกับว่า เราไม่มีรายละเอียดพอ จะมาดิสเครดิตกัน

“ผมก็บอกในที่ประชุมเลยว่า ถ้าคุณรู้ข้อมูลทำไมไม่มาบอกผม ผมอยากทำความเข้าใจนะ ผมไม่ใช่อยากเด่นอยากดัง  มันเป็นหน้าที่ คดีเกิดขึ้นแล้วผมก็ต้องทำให้มันจบ ใครจะมาร่วมกับผมก็ได้ ผมไม่ได้ปิดไม่ได้บัง จะสรรเสริญด้วยซ้ำ ท่านไปดูรายงานที่กรมตำรวจได้เลยว่า ผมขอใครมาช่วย แล้วใครมีผลงานอะไรจับใครได้ผมทำรายงานถึงอธิบดีกรมตำรวจทุกครั้ง กรมตำรวจก็ออกหนังสือชมเชยเอาไปประกอบขอความดีความชอบด้วย ทำไมไม่มาร่วมกันจะได้ทำงานง่ายขึ้น มาแลกข้อมูลกัน มาช่วยกันทำ ผมเป็นผู้การทำคดีนี้เสร็จแล้วจะเป็นผู้บัญชาการหรือยังไง มันเป็นได้หรือ” อดีตหัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชรระบายความรู้สึก และบอกด้วยว่า ที่ประชุมครั้งนั้นผู้การหน่วยคู่กรณีโกรธมาก แต่เขาไม่สนถึงจะเป็นนายพลนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นพี่ก็ตาม

อีกคดีโบแดงเกิดขึ้นที่พรานกระต่าย กำแพงเพชรอีกเช่นกัน ผู้เสียหายเป็นผู้หญิงถูกเชือดคอชิงทรัพย์ เดือนละราย เหยื่อเป็นสาวโสดอยู่ในบ้านเพียงลำพัง พล.ต.ต.รังสรรค์เล่าว่า พอเกิดขึ้น 3 รายติดกัน คนพรานกระต่ายหวาดกลัวมาก ตอนเย็นตลาดจะคึกคัก พอมีเหตุก็เงียบสนิท สืบเท่าไรก็ไม่ออก ตั้งชุดเฉพาะกิจก็แล้วไม่ออกนาน 6 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้า ร้อนใจมาก ชาวบ้านมีความทุกข์ ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ก็ถาม ตัดสินใจเลิกหมดชุดเฉพาะกิจ เฉพาะกาล ไม่ได้เรื่อง โดดลงไปทำคดีเองร่วมกับนายดาบตำรวจอีก 2 คน เริ่มไม่ไว้ใจใคร เพราะตอนหลังมารู้ว่าตำรวจระดับสารวัตรใหญ่ไปเดินอยู่กับโจร กินเหล้ากับโจรทุกวัน

 หัวหน้าชุดคลายปมคดีฆ่าชิงทรัพย์สะเทือนขวัญชาวพรานกระต่ายบอกต่อว่า เมื่อลงไปสืบสวนเองได้สมาชิกสภาจังหวัดคนหนึ่งเป็นลูกน้องดาบตำรวจที่ทำคดีด้วยกันช่วยหาข่าว เพราะกว้างขวางมีลูกน้องเป็นนักเลงเยอะจนเกิดคดีพยายามฆ่า คนร้ายยิงเจ้าของโรงโม่แต่ไม่โดน นักการเมืองท้องถิ่นคนนี้รู้เป็นฝีมือใครยิง และคนที่ยิงยังไปพัวพันคดีฆ่า 3 ศพด้วยเลยให้เรียกมันมาคุย ต่อรองมันว่ามีคดีพยายามติดตัวอยู่มีสิทธิติดคุกได้นะ ถ้าไม่อยากติดคุกต้องแลกข้อมูลกับคดีฆ่าเหยื่อหลายรายในพรานกระต่ายมา

สรุปว่า คดีที่ค้างคาใจชาวบ้านนานเกินครึ่งปีเริ่มเปิดทันที หัวหน้าแก๊งเป็นครูเก่าอายุ 70 เศษ ชาวบ้านเคารพนับถือกันทั่วอำเภอ เวลาผู้ว่าราชการจังหวัด หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มีงานเลี้ยงรับรอง ครูคนนี้ก็ต้องไปนั่งร่วมโต๊ะด้วย เหยื่อรายหนึ่งก็เป็นน้องสาวปฏิรูปที่ดินที่ครูคนนี้เคยสอนทั้งบ้าน ด้วยความโลภ เห็นแก่ได้มันถึงถูกลูกน้องชักชวนวางแผนก่อนจะลงมือที่บ้านครู นั่งกินเหล้าพูดคุยกัน สมุนในทีมที่ถูกดึงเอามาเป็นพยานมีหน้าที่ทำกับข้าวให้กินถึงรูปแผนอำมหิตทั้งหมด ในที่สุดตำรวจก็ตามจับได้ยกแก๊งมีราว 6-7 คน

“คดีนี้ดังมาก ผู้ต้องหารับสารภาพ ศาลประหารชีวิต ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต มีชาวบ้านโทรศัพท์ไปด่าหัวหน้าศาล ทำไมปล่อยไปได้อย่างไรเดี๋ยวมันก็ออกมาอีก ไม่ได้ด่าแค่นั้น มันยังโทรศัพท์ไปด่าถึงบ้านที่พิจิตร เมียผู้พิพากษาเป็นคนรับ เมียก็มาด่าหัวหน้าศาลอีก มันเป็นคดีสะเทือนขวัญและเป็นทีที่หวาดกลัวของชาวบ้านมาก แต่ท่านพิพากษาดีนะ มีอยู่ 3 คดี ตัดสินแต่ละคดีไม่นับโทษรวม พิพากษาแต่ละคดีลดโทษรับสารภาพแล้วเหลือ 20 ปี 3 คดีก็ 60 ปี ไม่เหมือนคดีหลิมบุญเจียม ตัดสินตลอดชีวิตติดแค่ 12 ปีก็ออกมาแล้ว แต่ครูคนนี้ไม่ออก ผมถามตลอด ล่าสุดลูกน้องที่ทำคดีอยู่ด้วยกันมาบอกว่า ตายในคุกพิษณุโลกแล้ว”ตำนานนักสืบจำแม่นติดตา

เจ้าตัวยังฝากแง่คิดถึงตำรวจรุ่นหลังด้วยว่า นักสืบรุ่นใหม่ส่วนมากมีเครื่องไม้เครื่องมือช่วยทำงานได้เยอะ หากมีความตั้งอกตั้งใจหน่อยคงประสบความสำเร็จ งานก็ออกมาดี ขอให้มีความตั้งใจ มีความจริงใจ บางคดีก็ควรทำให้มันจบ ไม่ใช่ไปเว้นคนโน้น คนนี่ เช่นคดียิง พ.ต.อ.เกริกฤทธิ์ นิยมเสริม ไปแค่ไหนแล้ว จับใครได้เพิ่มหรือไม่ ตำรวจถูกยิงตาย แล้วความรู้สึกของชาวบ้านจะเป็นอย่างไร เมื่อตำรวจระดับผู้กำกับการถูกยิงตายมันยังไม่เป็นเรื่อง ถ้าเป็นชาวบ้านจะตายฟรีหรือไม่ ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ลงมาทำ ยอมรับนะว่าคาใจ อยากรู้เหมือนกันว่าไปถึงไหนแล้ว อยากจะฝากไว้ให้นึกถึงชาวบ้านเป็นหลักว่า เขาจะมีความรู้สึกอย่างไร พันตำรวจเอกตายคดีมันยังเงียบไปแบบนี้

“ยอมรับว่า เกริกฤทธิ์เป็นลูกน้องเก่า ตอนหลังเกเร ผมก็รู้ว่าความประพฤติเป็นอย่างไร ลูกน้องหลายคนทำอะไรนอกลู่นอกทาง ผมไม่ชอบ ต่างคนต่างไป อยากฝากด้วยว่า บางคนไปฆ่าแกงสร้างชื่อสร้างเสียงด้วยวิธีนี้มันไม่ใช่ ผมคิดมากนะจะวิสามัญฯใครสักคน ไม่ใช่มีอำนาจจะทำง่าย ๆ ใครที่ลุแก่อำนาจผมไม่ชอบมาก ๆ ตำรวจที่ทำให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อน สมัยผมน้อยมากจะทำวิสามัญฯ บางคนทำกันเปรอะ ไม่ได้ทำเพื่อบ้านเพื่อเมือง เพื่อความสงบเรียบร้อยของชาวบ้าน แต่ทำเพื่ออะไรกัน” มือปราบรุ่นเดอะตั้งคำถามแบบไม่หวังคำตอบ

 รังสรรค์ ชำนาญหมอ !!!

 

 

RELATED ARTICLES