สืบนครบาลจับบัญชีม้าแก๊งหลอกให้กู้ยืมออนไลน์

นโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ซงความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก


.
ต่อมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล มอบหมาย พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง สารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ร.ต.อ.พีระเกียรติ ศิริฤทัยวัฒนา รองสารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ร.ต.ท.ณรงณ์ศักดิ์ สนิทไทย รองสารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ร.ต.ท ไพโรจน์ บุรีรักษ์ รองสารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ออกติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับฉ้อโกงประชาชน

ก่อนควบคุมตัว นายสมเกียรติ ปุยะติ อายุ 32 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 9/10 ซอยแจ้งวัฒนะ 14 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานครหมายจับศาลอาญารัชดา ที่ 4306/2566 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ได้ที่บริเวณ ถนนช่างแสง-วัดพระญาติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตรวจสอบในฐานระบบข้อมูล พบหมายจับอีก 5 หมายหลายท้องที่ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของ ประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน,ฉ้อโกงประชาชน และกระทำผิดฟอกเงิน”

พฤติการณ์กล่าวคือ แก๊งมิจฉาชีพได้เอาบัญชีของผู้ต้องหาไปหลอกผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งหลอกให้กู้ยืมออนไลน์ แต่ให้ผู้เสียหายค่าธรรมเนียมในการทำสัญญา เมื่อโอนเงินค่าธรรมเนียมเสร็จก็ติดต่อไม่ได้ หลอกว่ามีพัสดุมีชื่อผู้เสียหายและในพัสดุมียาเสพติด ให้ผู้เสียหายโอนเงินบัญชีดังกล่าวไปตรวจสอบ ความเสียหายจำนวนหลายราย บางรายมีหลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน แล้วแต่เคส ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับว่า ทำความผิดจริงโดย ขายบัญชีธนาคารต่างๆ แต่จำเลขบัญชีไม่ได้ให้นางชลดา (ปัจจุบันถูกจับกุมไปแล้ว) เป็นเพื่อนของน้า ในราคา บัญชีละ 1,500 บาท รวมเป็นเงิน 4,500 บาท
.
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบนครบาลสืบสวนติดตามคนร้ายที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผ่านการหลอกลวงมีหลายรูปแบบ แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อผู้เสียหาย  สำหรับผู้ที่ขายบัญชีธนาคารนั้น ตาม พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พุทธศักราช  2566 ระบุว่า เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา
.

RELATED ARTICLES