“ผู้หญิงต้องเห็นคุณค่าในตัวเอง”

 

“ครู” เป็นอีกหนึ่งอาชีพใฝ่ฝันยอดฮิตติดท็อปเท็นของหลายคนเมื่อครั้งอยู่วัยเยาว์ หลายคนมีไอดอลเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้อง คนใกล้ชิดต่างๆ รวมทั้งครูที่สอนในตอนเด็กด้วย เพราะครูเป็นข้าราชการที่สร้างคน อบรมบ่มนิสัย มอบวิชาความรู้ให้ทุกคนเติบโตมาให้เป็นคนที่มีคุณภาพ ใช้วิชาความรู้ทำมาหากิน และอยู่ร่วมกับสังคม เช่นเดียวกับ “ครูปุ้ย”ดุษดียา สมผลภาดี ครูสอนภาษาไทยคนสวย และเก่งจากจังหวัดกาญจนบุรี

กว่าปุ้ยจะมารับราชการทำงานสร้างคน เธอเริ่มจากเป็นนักเรียนคนขยัน ตั้งใจใฝ่เรียนรู้ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนกาญจนานุเคราะห์ จังหวัดกาญจนบุรี ก่อนก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เพิ่มพูนความรู้ความสามารถที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา คว้าปริญญาตรี  ศิลปศาสตรบัณฑิต  สาขาวิชาภาษาไทย และ ประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยศิลปากร ปัจจุบันรับราชการครูอยู่โรงเรียนบ่อพลอยรัชดาภิเษก จังหวัดกาญจนบุรี  (สอนรายวิชาภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5)

“สำหรับงานที่ทำอยู่ในตอนนี้พูดตรงๆว่าเป็นงานที่หนักเลยนะคะ สำหรับอาชีพครู เพราะครูคืองานที่สร้างคน ถ้าถามว่าทำไมถึงเลือกอาชีพนี้บอกตรงๆ นึกไม่ออกเหมือนกันค่ะ  สงสัยอาจเป็นเพราะปุ้ยเติบโตมาในครอบครัวที่เป็นคุณครูกันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า พ่อแม่ปุ้ยเองก็เป็นคุณครู ปุ้ยเลยซึมซับมาเอง แต่พอตัวเองได้มาเป็นครูก็ไม่เคยคิดว่าลำบากใจอะไรนะคะ  โดยคิดแค่ว่างานของเราคืองานที่ทำเพื่อนักเรียน เป็นงานที่มีความสุข เพราะได้เห็นการเติบโตทางความคิดของนักเรียนที่ปุ้ยสอน เป็นงานที่สร้างคนให้สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ มีสติปัญญา มีความรู้ควบคู่คุณธรรม และนี่คือความสุขของอาชีพครูอย่างปุ้ย” ครูสาวคนสวยพูดความในใจของการมารับราชการครู

คติประจำใจในการใช้ชีวิตของเธอคือ “ทำทุกอย่างเพื่อปัจจุบัน” เพราะคิดเสมอว่า ถ้าเราใส่ใจกับเรื่องที่เราทำในปัจจุบันให้ดี  มันก็จะส่งผลให้อนาคตเราดีไปด้วย ส่วนข้อคิดในด้านการทำงาน คือ จะคิดเสมอว่าเราต้องทำตัวเองให้มีความพร้อม พร้อมในที่นี้หมายถึง พร้อมเรียนรู้  พร้อมเปิดใจ  และพร้อมลงมือทำ  ถ้าเรามีความพร้อมโอกาสก็จะเข้ามาหาเรา เนื่องจากตัวเธอเองถูกสอนมาว่า ความพร้อมกับโอกาสจะพบกันครึ่งทาง ถ้าเราพร้อมโอกาสก็จะเข้ามาหาเรา โอกาสดีๆจะมีให้สำหรับคนที่มีความพร้อมเสมอ

ครูปุ้ยยังบอกถึงบุคคลตัวอย่าง หรือไอดอล สำหรับเป็นแบบอย่างการใช้ชีวิตของเธอ คือ แม่ เธอว่าแม่เป็นผู้หญิงที่เก่งมาก เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ฉะนั้นแม่จึงเป็นคนที่มีจิตใจที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็มีความอ่อนโยนมาก  แม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเธอในการดำเนินชีวิตในทุกๆเรื่อง  อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องของการทำงานอีกด้วย เพราะเป็นคุณครูภาษาไทยเหมือนกัน

แน่นอนว่าทุกคนไม่ว่าจะมีฐานะ หรือทำงานอยู่ในสาขาอาชีพไหนล้วนต้องพบเจอปัญหาอุปสรรคน้อยใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ครูสาวคนนี้ก็เช่นเดียวกัน เธอมีเคล็ดที่ไม่ลับมาบอกถึงการเอาชนะฝ่าฟันอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิตว่า อันดับแรกต้องทำใจยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อน เพื่อเราจะได้ไม่หนีปัญหา เป็นการตั้งหลักเพื่อรับมือแก้ไข เมื่อยอมรับปัญหาได้แล้วก็ต้องใช้สติและปัญญาในการจัดการปัญหา โดยทุกปัญหาที่เข้ามาในชีวิตเราจะต้องไม่ใช้อารมณ์ตัดสิน และสุดท้ายเลยสำหรับการแก้ปัญหาที่ดี คือ การได้ปรึกษาแม่ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตไม่ว่า จะมีปัญหาอะไรก็ตาม เพียงแค่ได้เล่าให้แม่ฟังแล้วกอดแม่ แน่นๆ เท่านี้ปัญหาในชีวิตก็จะคลี่คลายแล้ว แถมยังเป็นการเติมกำลังใจให้ตัวเราเองอย่างดีที่สุด

นอกจากนี้ครูสาวสวยยังได้กล่าวถึงประสบการณ์อันดีที่ได้จากการทำงาน ว่า ประสบการณ์การทำงานเป็นความทรงจำที่สำคัญในชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะเคยฝึกงานในตำแหน่งนักประชาสัมพันธ์ สังกัดกรมประชาสัมพันธ์ ปฏิบัติหน้าที่ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ “หลายคนอาจสงสัยว่าฝึกงานในตำแหน่งนักประชาสัมพันธ์ แล้วเกี่ยวข้องกับอาชีพครูที่ทำในปัจจุบันนี้อย่างไร อธิบายคือ ปุ้ยจบปริญญาตรี  ศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาภาษาไทย  สิ่งที่ปุ้ยเรียนมาก็คือศิลปะการใช้ภาษา  ทักษะฟังพูดอ่านเขียนในการใช้ภาษาไทย  ฉะนั้นไม่ว่าปุ้ยจะอยู่ในบทบาทนักประชาสัมพันธ์หรือคุณครู  ปุ้ยก็จะนำทักษะในการใช้ภาษาไทย  มาปรับใช้ในงานของปุ้ยได้เสมอค่ะ” ครูสาวอธิบาย

ทั้งนี้คุณครูคนสวยยังได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับผู้หญิงที่สวยและเก่งว่า ผู้หญิงสวยในแบบของเรา คือ ผู้หญิงที่เห็นคุณค่าในตัวเอง ถ้าเราเอาเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกมาตัดสินมันก็แล้วแต่รสนิยมคนมองจริงไหมคะ  ฉะนั้นความสวยของผู้หญิงสำหรับปุ้ยคือ  การที่เราเห็นคุณค่าในตัวเอง  แค่นี้เราก็เป็นผู้หญิงสวยแล้วค่ะ สำหรับผู้หญิงเก่ง คือ ผู้หญิงที่มีความรับผิดชอบ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดกับบทบาทหน้าที่ของตัวเอง

เธอได้ให้แง่คิดผู้หญิงในยุคปัจจุบันกับผู้หญิงสมัยก่อนว่า ถ้าให้เปรียบเทียบผู้หญิงยุคก่อนกับยุคปัจจุบัน คิดว่ามีทั้งความเหมือนและความต่างกัน ขึ้นชื่อว่า ผู้หญิงไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็เป็นเพศที่มีความอดทน ส่วนเรื่องความต่างผู้หญิงในปัจจุบันอาจจะมีความกล้าคิด กล้าตัดสินใจ มีการดำเนินชีวิตด้วยตัวเองมากขึ้น เวลาเปลี่ยนทัศนคติก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลาเช่นกัน

 

RELATED ARTICLES