ไม่ได้เรียกร้องมากเกินไป

 

 

งานแถลงข่าวการปฏิรูปตำรวจเพื่อประชาชนที่โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ เป็นหัวหอก ผนึกกำลัง พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ ประธานชมรมพนักงานสอบสวน พล.ต.อ.ศักดา เตชะเกรียงไกร นายกสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ที่ปรึกษาชมรมพนักงานสอบสวน รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงศ์ พูตระกูล รองอธิการบดี และประธานกรรมการ คณะอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต ผศ.นพดล กรรณิกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคประชาชน) นโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัย Superpoll  และนายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการและแกนนำกลุ่ม iLaw

ยกเอาเหตุผลความจำเป็นต้องมีการปฏิรูปตำรวจเพื่อฟื้นศรัทธาของประชาชน

มีตำรวจด้วยกันเองเรียกร้องให้มีการปฏิรูปด้วยเช่นกัน

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ได้เรียกร้องให้แก้ปัญหาที่ตรงจุด คือ เน้นที่สถานีตำรวจในประเด็นกำลังพลที่ขาดแคลน โดยเฉพาะสายงานสอบสวน และสายป้องกันปราบปราม  ตามด้วยการบริหารงบประมาณที่มีประสิทธิภาพของหัวหน้าสถานี    เครื่องมือ เครื่องใช้ วัสดุอุปกรณ์ ที่ไม่เพียงพอแก่การปฏิบัติหน้าที่  ตลอดจนสวัสดิการ บ้านพัก เบี้ยเลี้ยง เงินค่าล่วงเวลาที่ไม่เพียงพอ

“แต่สิ่งที่ยากที่สุดในการปฏิรูปตำรวจ คือ การที่ผู้มีอำนาจไม่ยอมปล่อยอำนาจ” พล.ต.อ.วินัยน้ำเสียงจริงจัง “ผมอยากเห็นหัวหน้าสถานีตำรวจเป็นคนดี มีความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต ได้รับการแต่งตั้งจากผลงาน ไม่ใช่การฝากฝัง”

ส่วน พล.ต.อ.วุฑฒิชัย  ศรีรัตนวุฑฒิ เสนอการพัฒนาระบบการสอบสวนเพื่อประชาชน ให้พนักงานสอบสวนมี Service Mind มีจริยธรรม และคุณธรรม ความรู้ความสามารถ มีความทันสมัยเพื่อบริการที่ดีให้ประทับใจแก่ประชาชน

เจ้าตัวเน้นว่า พนักงานสอบสวนเป็นงานกระบวนการยุติธรรมต้องสั่งสมประสบการณ์ ขณะที่ในปี 2559 เกิดการทำลายแท่งการเติบโตในสายงานพนักงานสอบสวนที่เคยมีไว้ตั้งแต่ปี 2547

“แทนที่พนักงานสอบสวนจะมีความเป็นมืออาชีพ กลายเป็นต้องไปวิ่งเต้นสายงานอื่นเพื่อการเติบโตของตัวเอง” ประธานชมรมพนักงานสอบสวนระบุชัด

ด้าน พล.ต.อ.ศักดา เตชะเกรียงไกร นายกสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจแสดงความเห็นว่า จุดมุ่งหมายเรื่องการปฏิรูปตำรวจ คือ การให้ความสำคัญกับสถานีตำรวจ การจะสัมผัสเข้าถึงใจของประชาชนได้ คือ การให้บริการ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย โรงพักได้รับการดูแลที่น้อยเกินไป

อดีตตำนานมือปราบที่ผันตัวไปเป็นครูใหญ่ในรั้วสามพรานมองว่า ที่ผ่านมาเราให้ความสำคัญเฉพาะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฉะนั้นเวลาที่ผ่านมามีการปฏิรูป สิ่งที่ได้ คือ ตำแหน่งที่เพิ่มขึ้น มีตำแหน่งแจกจ่ายกัน มีการเจริญเติบโตโดยสร้างตำแหน่งใหม่ขึ้นมา

ทำให้หลงลืมการดูแลการปฏิบัติงานและประสิทธิภาพของโรงพัก

“ส่วนตัวตำรวจเองก็จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ภาพลักษณ์ในสายตาประชาชนและสื่อมวลชนด้วย ตำรวจไม่ดีมีมากพอสมควร กลับไม่โดนลงโทษอะไรเลย หมายถึงคนที่ไปเก็บส่วย เดินสายหาเงิน ตำรวจพวกนี้กลับเจริญเติบโต ขณะที่ตำรวจที่ตั้งใจทำงาน ทำหน้าที่อย่างดี ไม่ได้รับการดูแลอย่างดี” พล.ต.อ.ศักดาสะท้อนความจริง  “นายพลบางคนแทบไม่รู้จักงานสืบสวนสอบสวน แต่มาออกนโยบายแปลกๆ ให้โรงพัก โดยไม่ได้รู้จักสถานีตำรวจอย่างแท้จริง”

ขณะที่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ นำเสนอการแก้ไขในประเด็น องค์ประกอบคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ การแก้ไขที่มาของคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ การแก้ไขเรื่องสายงานที่เป็นอุปสรรคและไม่เป็นธรรม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน

ปัญหาที่ต้องนำไปสู่การปฏิรูปตำรวจ คือ เรื่องโครงสร้างการบริหารการรวมอำนาจ มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง การบริหารงานบุคคล ต้องพัฒนาตำรวจ เพราะที่ผ่านมาละเลยเรื่องคุณธรรม ซื้อขายตำแหน่ง มีเงินทุจริต รวมถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนและกลไกในการตรวจสอบหน่วยงานต่างๆ”

พล.ต.อ.เอกยืนยันว่า ปัจจุบันความคาดหวังของตำรวจและประชาชนสวนทางกัน ตำรวจมองว่าประชาชนมีความคาดหวังมากเกินไป ตำรวจมีข้อจำกัดในการทำงาน เพราะงบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ และเงินเดือนไม่เพียงพอ

ดังนั้น กรอบการเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจต้องมองว่า ประชาชนได้อะไร พฤติการณ์ของตำรวจที่ไม่เหมาะสม คืออะไร และการแก้ไขความขาดแคลน รวมทั้งแก้ไขกฎหมายในการทำงาน

ฟาก รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ พูตระกูล ลงลึกในรายละเอียดถึงการที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการข้าราชการตำรวจมีอำนาจในการเสนอชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นการสะท้อนถึงความเชื่อมโยงการเมืองกับตำรวจ

“ตัวผมเองและประชาชนรวมทั้งข้าราชการตำรวจอยากเห็นพรรคการเมืองใดก็ตามประกาศว่า จะทำให้ตำรวจดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อการเมือง แต่เพื่อคนในประเทศนี้ เพื่ออาชญากรรมที่ลดลง” รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ กล่าว

เขาเชื่อว่า ตราบใดที่การเมืองยังครอบคลุมในองค์กรตำรวจ การปฏิรูปตำรวจก็เป็นไปได้ยาก

“อำนาจในการปฏิรูปตำรวจต้องมีภาวะผู้นำ เสียสละ ตัดสินใจเพื่อประโยชน์สาธารณะ สิ่งสำคัญที่สุดกว่านั้น คือ ต้องปฏิรูปที่ใจของผู้มีอำนาจที่จะปฏิรูป”  

มี ผศ.นพดล  กรรณิกา เผยผลสำรวจของ Superpoll เกี่ยวกับวิกฤติศรัทธาในวงการตำรวจ  ส่วนใหญ๋เห็นพ้องตรงกันว่า จำเป็นต้องมีการปฎิรูปตำรวจเพื่อฟื้นศรัทธาของชาวบ้าน

สำหรับ นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ บอกถึงกระแสที่ประชาชนออกมาเรียกร้องอยากให้ปฏิรูปองค์กรตำรวจมีมานานแล้ว ส่วนตัวเห็นด้วยกับมุมมองที่ว่า ปัจจุบันใครเข้าสู่อำนาจทางการเมือง ตำรวจก็พร้อมจะทำงานให้ และเมื่อตำรวจทำงานให้เพื่อรักษาอำนาจทางการเมือง เช่น การปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม การดำเนินคดีกับฝ่ายตรงข้าม ไม่ดำเนินคดีกับอีกฝ่ายหนึ่ง ผู้ที่มีอำนาจในการเมืองก็ไม่จำเป็นต้องเร่งให้มีการปฏิรูปตำรวจ เพราะตัวพวกเขาได้ประโยชน์

เขาอยากเห็นภาพจากตำรวจ หรืออดีตตำรวจที่ชูธงการปฏิรูปองค์กรมาร่วมลงชื่อด้วยเช่นกัน เพราะพลังจากภายในของตำรวจ รัฐบาลปฏิเสธได้ยาก ถ้าทุกท่านลงมือช่วยกันจริงก็น่าจะเป็นจริงได้ ฉะนั้นหวังว่ากระบวนการปฏิรูปองค์กรตำรวจครั้งนี้ จะเห็นการขับเคลื่อนในรัฐบาลชุดนี้

“หลายสิ่งที่เรียกร้อง คือ ขอให้เพียงพอต่อตำรวจ ไม่ได้เรียกร้องอะไรให้มากเกิน” พล.ต.อ.วินัยสรุปทิ้งท้ายวิงวอนไปถึงทุกส่วนทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง

วาดหวังพลังศรัทธาจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง

 

RELATED ARTICLES