พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการวิเคาระห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รองผู้กำกับการวิเคาระห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ ผู้กำกับการสืบสวน1กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รองผู้กำกับสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล5 พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สรวัตรกองกำกับการสืบสวน3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำกำลังจับกุมตัว ทนายอาร์ม สุวรรณรักษา อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดสงขลา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2055/2567 ลงวันที่ 3 พ.ค. 67 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้น อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” จับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 47 ม.1 ถ.เทศบาล 38 ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
พฤติการณ์ นายทนายอาร์ม ผู้ต้องหา มีอาชีพทนายความ ก่อนเข้าสู่เส้นทางการเมือง ด้วยการลงสมัคร ส.ส.ในเขตจังหวัดสงขลา ในนามของพรรคการเมืองแห่งหนึ่ง มีผู้เสียหายเป็นหญิงสาววัย 26 ปี ติดต่อผู้ต้องหาเพื่อปรึกษาเรื่องคดี เนื่องจากขณะนั้นพบกับมรสุมชีวิตเพราะต้องทวงเงินคืนจากเพื่อน จำนวน 100,000 บาท ต่อมาผู้ต้องหาได้ออกอุบายล่อลวงผู้เสียหายให้มาร่วมงานประชุมและกินเลี้ยงของพรรคที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่นดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องคดีความ ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อมาพบกับผู้ต้องหาที่โรงแรมดังกล่าว ปรากฏว่าเป็นโรงแรมเล็กๆไม่มีห้องประชุมใดๆ แต่ผู้ต้องหาได้ออกอุบายให้เธอขนของขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนแล้วจะเดินทางไปคุยงานกันที่อื่น
เมื่อเธอเดินเข้าไปภายในห้องพักเพื่อเก็บของ ก่อนจะใช้กำลังบีบคอจับกดลงกับเตียงทันทีลงมือข่มขืน เมื่อผู้เสียหายได้สติ คว้ากระเป๋าแต่ทำของหล่นพื้นทำให้ผู้ต้องหาสะดุ้งตื่น วิ่งมาฉุดกระชากผู้เสียหายลงกับเตียงอีกครั้งพร้อมข่มขู่ว่า “หนีไปบอกใครก็ไม่มีใครเชื่อหรอก เดินเข้ามาในห้องเองแบบนี้คือการสมยอม” และจะลงมือข่มขืนจนเธอสลบไปอีกครั้ง หลังเหตุการณ์เลวร้ายในคืนนั้นผู้ต้องหายังคอยโทรศัพท์มาหาเธอด้วยวาจาท่าทีเสมือนเช็คว่าเธอจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังพร้อมทั้งคอยส่งข้อความข่มขู่เธอสารพัด โดยที่เลวร้ายที่สุดเห็นจะเป็นการใช้วาทะบีบคั้นเรื่องการทำคดีแพ่งต่อให้เธอ กดดันให้เธอกลับไปหาอีก เธอจนตรอกและต้องจมอยู่กับความอึดอัดคับแค้นใจจึงเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง แต่หลังจากนั้นผู้ต้องหาทำทีจะรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้ผู้เสียหายพิมพ์จำนวนเงินผ่านแชทไลน์อยู่ 4-5 ครั้ง พร้อมแค็ปหน้าจอก่อนจะใช้เป็นหลักฐานแจ้งความกลับผู้สียหายในข้อหา “กรรโชกทรัพย์” พร้อมทั้งส่งข้อความข่มขู่ว่า “กูจะทำให้ดู นรกเป็นยังไง” “มึงอีห่า กูจะใช้กฎหมายกับมึง กูจะใช้ทุกอย่างให้มึงติดคุก”
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้รับหมายศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง พร้อมทั้งแนบคำฟ้องจากการที่เธอถูกผู้ต้องหาฟ้องในข้อหา “แจ้งความเท็จ” พ่วงมาด้วยการเรียกร้องเงินจากเธอถึง 300,000 บาท ทำให้ผู้เสียหายทั้งกลัวทั้งสิ้นหวังตัดสินใจกระโดดจากเรือหลวงจักรีนฤเบศร์ หวังจบชีวิต แต่ “พ.จ.อ.ดาวลอย นาธงไชย และพลทหารกูฮัท ซันสมัย” ที่เห็นเหตุการณ์กระโดดน้ำลงช่วยเหลือ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาลก็ติดตามจับกุมได้ดังกล่าว
สอบสวน นายทนายอาร์ม ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่า “มันเป็นการสมยอมของทั้งสองฝ่าย คดีนี้ผมชนะอยู่แล้ว ถ้าผมแพ้ผมก็คงเลิกเป็นทนายความ ตอนนี้ตนได้ฟ้องกลับฝ่ายหญิงแล้ว ข้อหา กรรโชกทรัพย์ และแจ้งความเท็จ พร้อมได้ร้องไปที่ ปปช. ด้วยถึงการทำงานของพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ยืนยันว่าที่ฟ้องกลับเหล่านี้ไม่ได้เป็นการแก้เกลี้ยว ส่วนเรื่องที่ฝ่ายหญิงไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตายตนเองไม่ทราบ และไม่ได้เห็นใจอะไร ขออย่าไปเข้าข้างฝ่ายหญิง ให้ดูข้อเท็จจริงด้วย คนสองคนเดินเข้าห้องไปด้วยกันมันสมยอมอยู่แล้ว” อย่างไรก็ตามจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดอนเมืองดำเนินคดี นอกจากนี้ยังพบประวัติการถูกดำเนินคดี 2 คดี ปี 2566 ถูกดำเนินคดีข้อหา “บุกรุก” พื้นที่ สถานีตำรวจภูรทุ่งลุง จังหวัดสงขลา
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า “คดีนี้พยานหลักฐานชั้นพนักงานสอบสวนเพียงพอ ให้ศาลอนุมัติการออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ แล้วการที่ผู้หญิงคนหนึ่งเลือกจบชีวิตตัวเองเช่นนี้บ่งบอกได้ถึงการถูกกดดัน ข่มเหงรังแกอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนเราอยู่ภายใต้กฏหมายเดียวกัน กฎหมายมีไว้เพื่อปกป้องมิใช่เอาไว้รังแกคน หลังจากนี้จะมีการขยายผลโดยละเอียด ซึ่งทราบมาล่าสุดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนในพื้นที่ จ.สงขลา แจ้งว่าได้ถูกผู้ต้องหาที่เป็นทนายรายนี้ร้องเรียนและแจ้งความอีกเป็นจำนวนหลายนาย จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากผู้ใดมีเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีนี้ โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ สืบนครบาล