บช.น. เผยฯ คดียิงเสี่ยต้นเจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย เชื่อมีผู้จ้างวาน พฤติการณ์ก่อเหตุ “เป็นมือปืนรับจ้าง” ไม่ใช่เรื่องทะเลาะวิวาท

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล4 พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง พ.ต.อธัญญาพัทธ์ บุญสุข ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล4 พร้อมชุดสืบสวน ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบยิง นายพิชิต กลีบจินดา หรือเสี่ยต้น อายุ 45 ปี เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา ก่อนไปเสียชีวิตในภายหลังที่ จังหวัดมหาสารคาม

พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า ทาง กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ประสานงานกับ ตำรวจภูธรภาค 4 ในคดีพยายามฆ่า ซึ่งวันนี้ชัดเจนว่าเป็นพฤติการณ์ของมือปืนรับจ้าง ซึ่งรับงานโดยมีผู้ใช้จ้างวานให้มาก่อเหตุแม้ห้วงเวลาดังกล่าวผู้ตายถูกยิงที่ตัวรถ แต่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากเศษกระจกบาด ยืนยันพฤติการณ์เป็นมือปืนรับจ้าง ไม่ใช่เรื่องทะเลาะวิวาท โดยไล่เรียงจากไทม์ไลน์วงจรปิดพบว่า นายพิชิต ผู้ตายได้เดินทางมาที่โรงเหล้าย่านเอกมัย ประมาณเวลา 22.46 น. จากนั้นเพียง 22.50 น.เพียง 4 นาที คนร้ายขับขี่รถ จยย.มา 2 คน ขับขี่รถตามผู้ตายมา ทำให้ชุดสืบสวนเชื่อมั่นว่ามีการตระเตรียมการ และวางแผนอย่างดี และย่อมรู้ว่าผู้ตายมาที่โรงเหล้าแห่งนี้ ฉะนั้นต้องมีคนชี้เป้า จากนั้นคนร้ายขับขี่รถมาจอดรอ และคนร้ายขี่ จยย.วนกลับมาร้านเหล้าอีกครั้ง ก่อนไปหลบหลังกำแพง จากนั้นคนร้ายลงมาเช็คที่รถผู้ตายว่าใช่หรือไม่ เพื่อเช็คว่าเป้ายังอยู่แน่นอน

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวต่อว่า ผู้ตายเดินออกจากร้านเหล้า เวลา 23.33 น.ใช้เวลาอยู่ในร้าน 47 นาที หลังจากนั้นผู้ตายขึ้นรถ และขับรถออกมุ่งหน้าถนนเลียบด่วน และกลับรถเพื่อขึ้นทางด่วน กระทั้งพบจุดที่คนร้ายขับรถ จยย.ตามประกบก่อเหตุยิง ก่อนหลบหนีไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มีข้อมูลทั้งหมดแล้วพร้อมตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนเรียบร้อยแล้ว ส่วนคดีเกี่ยวเนื่องกับทางตำรวจภูธรภาค 4 นั้น วันนี้จึงมีการประชุมร่วมกับภาค 4 ว่าพยานหลักฐานทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรบ้าง ยืนยันว่าคดีนี้และทุกคดีทางนครบาลไม่เคยละทิ้ง แต่จำเป็นที่ต้องทำคดีแบบเงียบ มิเช่นนั้นคนร้ายอาจรู้ตัวได้ รวมถึงทำลายหลักฐานด้วย ตนขอพูดเฉพาะอะไรที่เป็นประโยชน์ทางคดีเท่าที่พอจะพูดได้ และจะเร่งรัดทำคดีให้เร็วที่สุด

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้เชื่อว่าพลังโซเชียล และประชาชนที่ให้ความสนใจกับเหยื่อที่ถูกทำร้าย หากท่านใดพบหรือเคยเห็น และมีข้อมูล รู้ที่อยู่ของคนร้ายทั้งสองรายขอให้แจ้งเบาะแสมาที่เพจสืบนครบาล รวมทั้งประเด็นความขัดแย้งต่างๆ ว่าผู้ตายกระทบกระทั่งกับผู้ใด ก็สามารถแจ้งมาได้ เราพร้อมจะรับข้อมูลและตรวจสอบทุกเรื่องด้วย

RELATED ARTICLES